ZoomIn: “Entertainment Complex” แม่เหล็กตัวใหม่ของไทย?

การจัดตั้ง “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) ถือเป็นอีกหนึ่งนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย ที่มุ่งนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี และเศรษฐกิจใต้ดิน เข้ามาสู่ระบบภาษี ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าสูงกว่า 50% ของ GDP โดยหวังนำรายได้จากส่วนนี้ ไปจัดสรรเป็นสวัสดิการด้านการศึกษา สาธารณสุข และสาธารณูปโภค ตลอดจนการอุดหนุนค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชน

ส่วนจะได้เห็นเป็นรูปเป็นร่างเหมือนนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตหรือไม่นั้น คงต้องรอชั่งน้ำหนักระหว่าง “ข้อดี-ข้อเสีย” หรือ “ประโยชน์-โทษ” ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

นอกจากนี้ ประเด็นสำคัญของการจัดตั้ง “สถานบันเทิงครบวงจร” (Entertainment Complex) เป็นเรื่องที่หลายฝ่ายยังต้องการความชัดเจน ได้แก่ ความเหมาะสมของสถานที่ตั้ง เช่น จังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญตามหัวเมืองต่าง ๆ , ประเภทธุรกิจที่จะเปิดให้บริการในสถานบันเทิงครบวงจร เช่น ศูนย์การค้า โรงแรม ร้านอาหาร สวนสนุก สปอร์ตคลับ, การเปิดให้เอกชนร่วมลงทุน, มาตรการจูงใจ เช่น ภาษี หรือสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ, การพิจารณาให้ใบอนุญาตแก่ผู้ลงทุน และความเข้มงวดของมาตรการที่กำกับดูแล เพราะหากการบังคับใช้ไม่เคร่งครัดรัดกุม ย่อมทำให้สถานบันเทิงครบวงจร อาจกลายเป็นศูนย์รวมของอบายมุข ส่งผลกระทบเชิงลบต่อสังคมตามมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้สิน ปัญหาครอบครัว ตลอดจนปัญหาอาชญากรรมต่าง ๆ

  • Entertainment Complex จำเป็นหรือไม่

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้ความเห็นว่า Entertainment Complex ในประเทศไทยนั้น จะ “มี” หรือ “ไม่มี” ก็ได้

หาก “มี” จะต้องทำให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยรวมและประชาชนส่วนใหญ่ เพราะการมี Entertainment Complex จะมีส่วนช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และการสร้างรายได้

ส่วนกรณีที่จะมี “กาสิโน” อยู่ใน Entertainment Complex ด้วย ก็เป็นการนำเศรษฐกิจใต้ดินมาอยู่บนดิน สามารถจัดเก็บภาษี และค่าธรรมเนียมได้ ลดการทุจริตคอร์รัปชัน การติดสินบนเจ้าหน้าที่รัฐที่ให้มีการเปิดบ่อนพนันผิดกฎหมาย

ขณะเดียวกัน การมี “กาสิโน” ใน Entertainment Complex ต้องระมัดระวังปัญหาทางสังคม และต้องกำกับดูแลให้ดี หลายปัญหาที่อาจตามมาต้องเตรียมรับมือด้วย เช่น หนี้ครัวเรือนอาจเพิ่มขึ้น ปัญหาครอบครัวเพิ่มขึ้น ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้น เป็นต้น

“หากสามารถกำกับควบคุมปัญหาผลกระทบข้างเคียงเหล่านี้จาก “กาสิโน” ได้ การทำให้การพนันถูกกฎหมาย จึงเป็นสิ่งที่สังคมจะ “ได้มากกว่าเสีย” และเป็นแนวนโยบายที่เหมาะสม แต่การเปิดให้มีกาสิโนถูกกฎหมาย ต้องระมัดระวังไม่ให้เป็นแหล่งในการฟอกเงิน หรือเป็นแหล่งของการกระทำผิดกฎหมายและศีลธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่ของ “รัฐ” และ “สังคม” ต้องช่วยกันกำกับดูแลในส่วนนี้ให้ดี” นายอนุสรณ์ กล่าวกับ “อินโฟเควสท์”

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า หากสำรวจดูรายได้ Entertainment Complex ในหลายประเทศ ที่มีกาสิโน พบว่า มาเก๊า มีรายได้เฉพาะการเล่นเกม 32,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ, สหรัฐอเมริกา (ลาสเวกัส) 30,000 ล้านดอลลาร์, สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์, เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์, ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์

“กรณีสิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวอะไรมากนัก ก็สามารถอาศัยการหารายได้จากสถานบันเทิงครบวงจรที่มีรายได้จากธุรกิจเป็น 4% ของ GDP นักท่องเที่ยว 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงครบวงจร ส่วนไทยนั้น เรามีแหล่งท่องเที่ยวมากมาย หลากหลาย ความจำเป็นที่จะต้องสร้าง Entertainment Complex เพื่อดึงดูดการท่องเที่ยวหรือไม่ อย่างไร ควรต้องไปพิจารณาให้ดี” นายอนุสรณ์ กล่าว

ส่วนอัตราภาษีกาสิโนนั้น ไทยควรจะเก็บอยู่ในช่วง 15-30% (สิงคโปร์ เก็บ 17%, มาเก๊า เก็บ 35%) หากมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาใช้บริการประมาณ 30-50% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเฉลี่ยที่ 39 ล้านคนในอนาคต จะทำให้รัฐบาลมีรายได้อยู่ที่ 3-4 หมื่นล้านบาท รายได้ผู้ประกอบการอยู่ที่ประมาณ 5-8 หมื่นล้านบาท

สำหรับร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงฯ นั้น นายอนุสรณ์ เห็นว่า การกำหนดเนื้อหาต่าง ๆ ในกฎหมายต้องสร้างสมดุลระหว่างประโยชน์ทางเศรษฐกิจ และผลกระทบทางด้านสังคม กลไกการกำกับดูแลจะต้องชัดเจน โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และประชาชน ป้องกันการทุจริต จำนวน ขนาด และที่ตั้งพื้นที่ของโครงการต้องพิจารณาดูความเหมาะสมให้ครบทุกมิติ ต้องสอดคล้องกับอุปสงค์ของตลาด เพื่อให้เกิดการลงทุนที่เหมาะสม อัตราภาษีกาสิโนควรเก็บแพงหน่อย เกณฑ์การเข้าใช้บริการกาสิโนของคนไทย จะต้องเข้มงวด โดยควรกำหนดรายได้ขั้นต่ำ และอายุของผู้เข้าเล่น อีกทั้งกลไกการนำรายได้จากกิจการกาสิโนไปใช้ประโยชน์ จะต้องมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้

  • Entertainment Complex “แม่เหล็ก” ตัวใหม่กระตุ้นท่องเที่ยวไทย

นายพชรพจน์ นันทรามาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ และ Chief Economist ธนาคารกรุงไทย มองว่า ภาคส่วนที่สำคัญและมีผลต่อการสร้างรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมาก หนึ่งในนั้น คงหนีไม่พ้นรายได้จากภาคการท่องเที่ยว ปัจจุบันการท่องเที่ยวถือว่ามีการแข่งขันกันสูงในแต่ละประเทศ โดยต่างต้องการสร้างแม่เหล็กเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากต่างชาติให้เดินทางเข้ามาประเทศของตน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของการมาเที่ยวซ้ำ หรือการทำให้เกิดค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น

รูปแบบการท่องเที่ยวในประเทศไทยเอง ส่วนมากจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เช่น ภูเขา ทะเล น้ำตก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติเหล่านี้ อาจสร้างค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวได้ไม่สูงมากนัก เมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น (Man made attractions) ดังนั้น การจะยกระดับการท่องเที่ยว รวมทั้งช่วยสร้างรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เพิ่มขึ้นนั้น สถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) อาจมีความจำเป็นกับประเทศไทย

“ดังนั้น ทำอย่างไรจะยกระดับรายได้จากนักท่องเที่ยว จึงอาจไปในลักษณะ Man made attractions หรือ Entertainment Complex หรือจะเรียกอะไรก็แล้วแต่ แต่มันคือเรื่องเดียวกัน มันคือตัวดึงดูดอย่างหนึ่ง การแข่งขันระหว่างประเทศจะต้องมีตัวนี้ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ตัดสินใจ ผมคิดว่าจำเป็น เพราะที่ผ่านมา แม้ไทยจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามามาก แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวถือว่าไม่สูงมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ซื้อสินค้าแบรนด์เนม รายได้ก็ตกอยู่ในประเทศไม่มาก ดังนั้น ตรงนี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาว่าจะมีการผสมผสานบริการไหนบ้าง ที่จะเข้ามาดึงดูดนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น” นายพชรพจน์ กล่าวกับ “อินโฟเควสท์”

ส่วนกรณีที่จะมี “กาสิโน” อยู่ใน Entertainment Complex ซึ่งบางภาคส่วนมองว่าจะ “ได้ไม่คุ้มเสีย” เพราะการเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างถูกกฏหมาย อาจจะนำมาซึ่งปัญหาสังคมอีกหลายมิติตามมา เช่น หนี้ครัวเรือน ปัญหาครอบครัว และปัญหาอาชญากรรมนั้น นายพชรพจน์ กล่าวว่า ไทยไม่ได้เป็นประเทศแรกที่คิดจะทำ แต่หลายประเทศมีกาสิโน หรือเปิดให้มีการเล่นพนันอย่างถูกกฎหมายแล้ว ดังนั้นต้องดูว่าประเทศเหล่านั้นมีวิธีบริหารจัดการกับข้อกังวลเหล่านี้ของสังคมอย่างไร โจทย์สำคัญ อยู่ที่การออกแบบกฎหมาย และปิดจุดอ่อนที่เป็นข้อกังวลนั้นได้มากน้อยเพียงใด รวมถึงหลักปฏิบัติของผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตที่จะมีธรรมาภิบาลมากน้อยเพียงใด

ส่วนในแง่ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจนั้น Entertainment Complex เป็นการลงทุนใน scale ใหญ่ เชื่อว่าจะมีผลต่อความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งในมิติของผลตอบแทนการลงทุนที่เอกชนจะได้รับ ส่วนพื้นที่จัดตั้งที่เหมาะสมนั้น คงต้องเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะไปทำการศึกษาอย่างละเอียดถึงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวแต่ละกลุ่ม อันจะนำมาซึ่งความเหมาะสมว่าใน Entertainment Complex นั้น ควรประกอบด้วยธุรกิจใดบ้าง เช่น กาสิโน ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร สวนสนุก เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนจะต้องตีโจทย์ให้แตก

“การมีกาสิโน ไม่มีปัญหา ในหลายประเทศก็ทำคู่กัน อยู่ด้วยกันได้ หลายประเทศมีการจัดการค่อนข้างดี เมคชัวร์ว่า ถ้าคนในประเทศจะใช้บริการต้องมีข้อกำหนดอย่างไร เหล่านี้ สามารถออกแบบได้ ดังนั้น โจทย์อยู่ที่ความเข้าใจและการออกแบบปิดจุดอ่อนที่กังวล ร่างกฎหมายที่จะออกมา ก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่แนวปฏิบัติจริง แม้กฎหมายจะเขียนไว้กว้าง ๆ แต่เราพูด Good Governance เป็นสำคัญ ขึ้นกับผู้ประกอบการที่จะเข้ามา มีการมองเรื่องนี้อย่างไร เพราะจะเป็นส่วนหนึ่งที่สามารถออกแบบให้ปิดจุดอ่อนข้อกังวลของหลายฝ่ายได้ ถ้าตรงนี้ไปได้ในบริบทประเทศไทย ก็ไม่มีปัญหา” นายพชรพจน์ ระบุ

ปัจจุบัน ร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กระทรวงการคลัง คาดว่าจะนำเสนอที่ประชุม ครม. ได้ภายในสิ้นปี 67 ก่อนนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้ในสมัยประชุมหน้า

โดยสาระสำคัญของ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แก่ กำหนดให้ Entertainment Complex ต้องประกอบด้วยธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายอย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับ “กาสิโน” โดยธุรกิจตามบัญชีแนบท้าย ได้แก่ ห้างสรรพสินค้าครบวงจร โรงแรมระดับ 5 ดาว ร้านอาหารและบาร์ ศูนย์ประชุมหรือสถานที่จัดนิทรรศการขนาดใหญ่ ศูนย์สุขภาพครบวงจร สนามกีฬา ยอร์ซและครูซซิ่งคลับ สถานที่เล่นเกม สระว่ายน้ำและสวนน้ำ สวนสนุก พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้าโอท็อป

คุณสมบัติของเอกชนผู้ที่ยื่นขอใบอนุญาต ต้องเป็นบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชนจำกัด ที่จดทะเบียนในประเทศไทย มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท, ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปี ต่ออายุครั้งละไม่เกิน 10 ปี, ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฉบับละ 5,000 ล้านบาท และค่าธรรมเนียมรายปี 1,000 ล้านบาท, ค่าธรรมเนียมการเข้าเล่นกาสิโน 5,000 บาท และไม่อนุญาตให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าพื้นที่กาสิโน เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 67)

Tags: , , , , , ,