วายแอลจีประเมินปีนี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยอีกแค่ 1 ครั้ง หลังจากนั้นจะเข้าสู่ยุคทองคำขาขึ้น มองการขึ้นรอบใหม่วิ่งยาว 3 – 5 ปี ด่านแรกหากปลายปีทองคำผ่าน 2,079 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ได้ มีโอกาสเห็น 2,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ แนะนักลงทุนหาจังหวะเก็บที่ 1,900 ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ เผยปัจจัยหนุนทองคำยังอยู่ครบ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจฝั่งยุโรปและสหรัฐที่ยังไม่สดใส ปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังกดดัน ชี้ช่องลงทุนทองคำผ่านตลาดล่วงหน้าได้รับความนิยมทั้งในประเทศและต่างประเทศผ่าน TFEX และ CME เหตุทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นขาลง
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) เปิดเผยว่า เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 5.25-5.50% ซึ่งเป็นการปรับขึ้นครั้งที่ 11 สู่ระดับสูงสุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่เริ่มวัฏจักรขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นสิ่งที่ตลาดคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ส่วนสิ่งที่ตลาดให้สนใจมากกว่าคือถ้อยแถลงของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในภาพรวมเรื่องทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย เฟดจะตัดสินใจในการประชุมเป็นรายครั้ง (Meeting by meeting) และจะขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจ (Data-Dependent Approach) โดยไม่ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ยอีกหากมีข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งมาสนับสนุน แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเป็นไปได้ที่จะคงดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ถ้อยแถลงที่ไม่ได้กำหนดทิศทางที่ชัดเจน และไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญจากรอบก่อน ภาพรวมทิศทางทองคำในระยะสั้นที่ตอบรับประเด็นเดิมๆไปแล้วในช่วงก่อนหน้า จึงไม่ได้ถูกกดดันเพิ่มเติม นอกจากนี้ จากการติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยอื่นๆ ตลาดได้คาดการณ์ว่าในปีนี้เฟดน่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้ง เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจถดถอยก็ยังน่าเป็นห่วง ดังนั้นมองว่าหากผ่านช่วงที่เฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งไปได้ สถานการณ์เงินลงทุนจะพลิกไหลมาสู่ตลาดทองคำ
ทั้งนี้ หากมองภาพใหญ่จะเห็นว่าทองคำเป็นขาขึ้นมาแล้ว 3 ปีต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ต่อเนื่องมาจนสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน แม้ว่าในปีที่ผ่านมาสถานการณ์เหล่านี้จะเริ่มคลี่คลายและดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นแต่ทองคำก็ยังทรงตัวในระดับสูง ดังนั้น หากนโยบายดอกเบี้ยที่เป็นปัจจัยกดดันทองคำหมดไปมองว่าการขึ้นของทองคำรอบนี้จะเป็นขาขึ้นไปอีก 3-5 ปี โดยหากผ่านจุดสูงสุดของปีที 2,079 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ไปได้ จะปรับตัวขึ้นไปที่ 2,100 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ และ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าซื้อสามารถใช้จุด 1,900 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์เป็นจังหวะเข้าซื้อได้
อย่างไรก็ดี แม้หลังผ่านช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นไปแล้วทาง YLG จะคาดการณ์ว่าทิศทางทองคำจะเป็นขาขึ้น แต่ยังคงคำแนะนำการลงทุนในทองคำที่สัดส่วน 5-15% ของพอร์ตลงทุนรวม เพื่อลดความผันผวนของพอร์ต ไม่ควรลงทุนมากกว่านั้น
“ปัจจัยกดดันทองคือดอกเบี้ยและกำลังจะสิ้นสุดยุคขาขึ้น แต่ปัจจัยบวกสำหรับทองคำยังอยู่ครบ โดยเฉพาะปัจจัยเศรษฐกิจถดถอย หากมองเศรษฐกิจทั่วโลกจะเห็นว่ามีเพียงเอเชียเท่านั้นที่เป็นบวก ยุโรปและสหรัฐยังคงน่าจับตา ส่วนปัจจัยด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งฝั่งของจีนและสหรัฐ รวมถึงความขัดแย้งรัสเซีย ยูเครน ก็ยังต้องติดตามต่อไป จึงเป็นไปได้ที่ช่วงปลายปีทองคำมีโอกาสทำจุดสูงสุดใหม่” นางสาวฐิภา กล่าว
ทั้งนี้การลงทุนในทองคำผ่านตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ได้รับความนิยมเพราะทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ทั้งการลงทุนในประเทศผ่าน TFEX ส่วนการลงทุนต่างประเทศนั้น YLG เพิ่มทางเลือกให้นักลงทุนด้วยการจับมือกับ CME Group ตลาดซื้อขายสัญญาล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมบริการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าครบวงจร เพิ่มทางเลือกให้ที่สนใจลงทุนในตลาดล่วงหน้าที่มีสินค้าให้เลือกลงทุนอย่างครบถ้วน ทั้งสินค้าโภคภัณฑ์ สกุลเงิน หุ้น ไปจนถึงสินทรัพย์ดิจิทัล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 66)
Tags: YLG, ฐิภา นววัฒนทรัพย์, ดอลลาร์สหรัฐ, ตลาดทองคำ, วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส, เฟด