YGG ขอนับหนึ่งเริ่มก้าวใหม่ ผนึกพันธมิตรจีนเปิดตัวหนังแอนิเมชันฟอร์มยักษ์-จ่อฉาย Home Sweet Home ปลายมี.ค.

นับจากต้นเดือนก.ค.67 ที่หุ้น บมจ.อิ๊กดราซิล กรุ๊ป [YGG] ร่วงหนักมาก เป็นเพราะหุ้นของนายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร YGG ถูกบังคับขาย (Force Sell) ทั้งหมด 241,879,026 หุ้น เท่ากับ 40.19% หลุดจากการเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับหนึ่ง เหลือเพียง 0.96% ตามมาด้วยปัญหาสภาพคล่องของ YGG ก็สะดุดไปด้วย

จนในที่สุดนายธนัช ตัดสินใจเดินหน้าธุรกิจ YGG ต่อ ณ วันนั้นก็ต้องเร่งให้สภาพคล่องมาเสริมโดยเร็ว เพราะรู้ว่าทางข้างหน้าที่เขาได้กรุยทางไว้ โดยเฉพาะภาพยนตร์ฮอลลีวูด Home Sweet Home Rebirth ต้องเดินหน้าต่อไป เป็นที่มาของ YGG ดึงผู้ลงทุน PP 6 รายเข้ามาซื้อหุ้นเพิ่มทุนเพื่อนำทุนใหม่ 135 ล้านบาทเข้ามาแก้ปัญหาสภาพคล่อง โดยนักลงทุน PP มีเงื่อนไขเดียวคือ นายธนัช ต้องมาดำเนินงานสานต่อธุรกิจ นั่นทำให้เขาลุกขึ้นมาสู้ใหม่ พร้อมโปรเจกต์ในมือมากมาย

นายธนัช กล่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทระดับโลก ซึ่งมีขนาดใหญ่ระดับ Top 10 ของจีนได้ให้ความสนใจจับมือเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ YGG เพื่อร่วมผลิตผลงานคุณภาพ คาดว่าภายในปี 2570 จะมีการเปิดตัวภาพยนตร์แอนิเมชั่น ซึ่งเป็นโปรเจกต์คุณภาพระดับโลกที่จะใช้เวลาผลิตราว 2 ปีนับจากปีนี้ และบริษัทตั้งเป้าหมายเริ่มทยอยรับรู้รายจากโปรเจกต์แอนิเมชั่นตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป

นายธนัช กล่าวอีกว่า การเดินหน้าพัฒนาโปรเจกต์แอนิเมชันกับพันธมิตรจีนรายนี้ จะเป็นการยกระดับให้ YGG เข้าไปสู่การเป็นผู้ผลิตในระดับโลกของอุตสาหกรรมแอนิเมชัน และเป็นโอกาสให้ YGG รับผลตอบแทนจากการลงทุนโดยตรง พร้อมทั้งสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องจาก Service Production ซึ่งปัจจุบันตลาดแอนิเมชันในประเทศจีนเป็นตลาดใหญ่ สร้างรายได้สูงสุดติด Top 10 ของโลกมีมูลค่าทางการตลาดหลายแสนล้านบาทต่อปี และยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบก้าวกระโดด

“การที่ YGG จับมือพันธมิตรยักษ์ใหญ่จากจีนบุกตลาดแอนิเมชันที่ใหญ่ที่สุดในโลก จะยกระดับให้ YGG ไปสู่การเป็นผู้เล่นระดับโลกในอุตสาหกรรมแอนิเมชัน และโปรเจกต์นี้ออกแบบมาเพื่อเจาะตลาดจีนโดยเฉพาะ จึงมีโอกาสดึงส่วนแบ่งจากรายได้มหาศาลใน Box Office ของจีนมูลค่าตลาดแอนิเมชันจีนทะลุ 50,000 ล้านหยวน และคาดว่าจะโตแตะ 80,000 ล้านหยวนในปี 2030” นายธนัช กล่าว

สำหรับภาพรวมธุรกิจและทิศทางธุรกิจของ YGG ในปีนี้ บริษัท YGG วางกลยุทธ์การเติบโตอย่างยั่งยืนโดยมุ่งเน้น การลงทุนในสิ่งที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ และต่อยอดจากฐานแฟนที่แข็งแกร่ง ด้วยการนำประสบการณ์ที่สั่งสมมาพัฒนา IP ของบริษัท ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและขยายไปสู่ตลาดที่กว้างขึ้น

นอกจากนี้ YGG ยังให้ความสำคัญกับ การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตและสร้างสรรค์เนื้อหาได้อย่างรวดเร็วขึ้น พร้อมกับเสริมความแข็งแกร่งใน งานด้าน Creative ซึ่งเป็นจุดแข็งของบริษัทมาโดยตลอด ด้วยกลยุทธ์เหล่านี้ YGG มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Digital Entertainment ที่เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนในอนาคต

นายธนัช กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทจะเติบโตไปกับภาพยนตร์ฮอลีวูด Home Sweet Home: Rebirth ที่ได้ดัดแปลงเนื้อเรื่องมาจากวิดีโอเกมเหนือธรรมชาติสัญชาติไทย พัฒนาโดยบริษัท โดยอยู่ระหว่างการขายสิทธิภาพยนตร์ให้กับกลุ่มประเทศเป้าหมายของบริษัทใน สหรัฐฯ จีน ยุโรป และได้ขายสิทธิภาพยนตร์ไปหลายประเทศแล้ว อาทิ สหรัฐ เยอรมัน รัสเซีย โดยคาดว่าจะมีรายได้ขั้นต่ำ 1 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะออกฉายภาพภายนตร์ Home Sweet Home: Rebirth ในปลายเดือนมี.ค. หรือต้น เม.ย.68

ขณะที่ปี 68 บริษัทคาดจะมีรายได้ประมาณ 100 ล้านบาท มาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกรายได้ Product ได้แก่ เกม ภายนตร์ และส่วนที่สองเป็น Service ได้แก่ แอนิเมชัน เกม โดยคาดมีสัดส่วนรายได้ 50:50

นายธนัช กล่าวอีกว่า สำหรับการเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัดหรือแบบ PP ทั้งหมด 6 รายจำนวน 250 ล้านหุ้น มูลค่า 135 ล้านบาท โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ 55 ล้านบาท ใช้คืนหนี้ทั้งหมด 40 ล้านบาท และใช้ในโครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อีก 40 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าเม็ดเงินจากการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเสริมสร้างความมั่นคงทางการเงิน ช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับบริษัท เปิดโอกาสให้บริษัทได้ขยายขอบเขตการพัฒนาและต่อยอดธุรกิจ

ทั้งนี้ หลังการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับ PP 6 ราย จะขึ้นมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ มีสัดส่วนการถือราว 25-30%

“แม้ว่าผมเองเคยถือหุ้น YGG อยู่เยอะ แต่วันนี้ Wealth หายไป แต่ว่าสิ่งที่เราทำหรือเหมือนกับเราใช้ชีวิตกับงานที่เราชอบ ดังนั้น ถ้าถามว่าเราอยู่ตรงนี้กับไปเริ่มใหม่ผมคิดว่าผมอยู่ตรงนี้ผมได้ทำอะไรหลายๆอย่างให้กับคนที่สนับสนุนไม่ได้แค่ทำให้ตัวเอง ผมก็ไม่ใช้เงินมาก.. เราเป็นคนก่อตั้งตั้งแต่วันที่เข้าตลาดหุ้น เราปั้นมากับมือ Value ของ YGG วันนี้ต่ำมาก แต่เทรนด์ของ Product อยู่ในอุตสาหกรรมที่เป็นเทรนดีอยู่แล้ว อัพไซด์มากกว่าดาวน์ไซด์ “

วันนี้ ราคาหุ้น YGG เคลื่อนไหวอยู่ที่ 0.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท (+3.23%)

“แผนยุทธศาสตร์ของ YGG มีการศึกษาเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ร่วมทั้งต่อยอดงานจากธุรกิจเดิม พร้อมทั้งเดินหน้าพัฒนาโครงการเกมและภาพยนตร์ใหม่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของ YGG เรามั่นใจจะผลิตผลงานออกมามีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดโลก และยังพร้อมจับมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดจีนและตลาดเอเชีย เพื่อร่วมกันผลิตผลงานใหม่ๆ” นายธนัช กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.พ. 68)

Tags: , , , , , ,