นางสาววรางคณา อัครสถาพร ผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล (XPG) เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา XPG ถือเป็นช่วงแห่งการขยายธุรกิจเพื่อเพิ่มช่องทางบริการใหม่ ๆ รวมถึงเพิ่มผลิตภัณฑ์การเงินการลงทุนที่หลากหลาย ขณะเดียวกันก็เน้นการลงทุนในเทคโนโลยี แพลตฟอร์มใหม่ ๆ มีการปรับปรุงระบบการทำงาน เพื่อปูทางไปสู่การเป็น “One-Stop Financial Solutions” เต็มตัว ไม่เพียงเฉพาะในประเทศไทยเท่านั้น แต่ XPG มองไปถึงการเชื่อมต่อสู่การลงทุนระดับโลก ขณะนี้เอ็กซ์ปริงได้สร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อตอบโจทย์นักลงทุนที่มองหาโอกาสการลงทุนที่หลากหลายได้ครบจบในที่เดียว
“ปี 65 มองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มดีขึ้น กลุ่มนักลงทุนรายบุคคล รวมถึงนักลงทุนสถาบันเริ่มมองหาช่องทางการลงทุนที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นจึงเป็นโอกาสสำคัญของเอ็กซ์สปริงที่จะเติบโตเพื่อก้าวสู่เป้าหมายตามแผนที่งานได้วางไว้ โดยโฟกัสที่ 2 ธุรกิจหลัก รวมถึงเพิ่มการลงทุนในกลุ่มธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ที่มีโอกาสเติบโตสูง ตลอดจนการลงทุนของบริษัทที่ได้มีการวางแผนเดินหน้าเต็มที่ในปีนี้เช่นกัน”
หนึ่งในจุดแข็งของบริษัทฯ คือการถือครองใบอนุญาตจำนวนมาก เพื่อให้สามารถนำเสนอโอกาสทางการลงทุนแก่นักลงทุนทุกระดับ โดยเฉพาะการลงทุนกับสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังได้รับความนิยมจากประชาชนทั่วไปในปัจุบัน โดยวันนี้ XPG มีมากถึง 17 ใบอนุญาตในมือ พร้อมเดินหน้ารุกตลาดทุนไทยและทั่วโลก ด้วยบทบาทของการเป็นผู้เชี่ยวชาญในการให้คำปรึกษาด้านการลงทุน การใช้ประโยชน์จากระบบนิเวศทางธุรกิจ (ecosystem) ที่สมบูรณ์แบบที่สุดของ XPG เพื่อสร้างการเติบโตให้กับกลุ่มธุรกิจและนักลงทุน
บริษัทโฟกัส 2 ธุรกิจหลัก ธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (Asset Management) และธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์ 1 ใน 3 ของตลาด โดยในปี 65 บริษัทยังคงเดินหน้ารุกธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) ผ่านการดำเนินงานของบริษัท เอ็กซ์สปริง ดิจิทัล จำกัด ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ซึ่งประสบความสำเร็จในการออก ICO ตัวแรกของไทยในปีที่ผ่านมา โดยบริษัทตั้งเป้าออก ICO สู่ตลาดไม่ต่ำกว่า 4-6 ตัวในปี 65
ทั้งนี้ XPG ยังได้รับ 4 ใบอนุญาต ได้แก่ 1. นายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี 2. นายหน้าซื้อขายโทเคนดิจิทัล 3. ผู้ค้าคริปโทเคอร์เรนซี และ 4. ผู้ค้าโทเคนดิจิทัล พร้อมเดินหน้าเป็นผู้ให้บริการทางการเงินและการลงทุนในระบบดิจิทัลแบบ One-Stop Service เจ้าแรกในไทย รองรับการเชื่อมต่อกับตลาดทุนโลก ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาด 1 ใน 3 ผ่านการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง และเสริมศักยภาพด้านการให้บริการนายหน้าซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีที่เชื่อม Global Liquidity เสริมสภาพคล่องการซื้อ-ขายสินทรัพย์ดิจิทัลทั่วโลก ผ่าน Coinbase แพลตฟอร์มซื้อขาย แลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ในสหรัฐอเมริกา คาดว่าระบบจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมให้บริการได้ภายในไตรมาสแรกนี้
ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักทรัพย์จัดการกองทุน (Asset Management) โดยมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจใหม่คือการเป็น “ผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล” (Digital Asset Fund Manager) คาดว่าจะได้รับใบอนุญาตผู้จัดการเงินทุนสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Fund Manager) ในไตรมาส 2/65 ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ สามารถนำเสนอโอกาสการลงทุนในกองทุนรูปแบบอื่น ๆ แก่นักลงทุนและประชาชนทั่วไปภายในประเทศได้ในระยะเวลาอันใกล้ และการเป็นนายหน้าซื้อขาย ค้า และจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ที่เป็นหน่วยลงทุน(LBDU) เพื่อเพิ่มทางเลือกผลิตภัณฑ์การลงทุนให้แก่ลูกค้าในไตรมาสแรก ตลอดจนการหาโอกาสการลงทุนในบริษัทเอกชนที่มีศักยภาพสูง
บริษัทยังพร้อมเดินหน้าลงทุนธุรกิจบริหารสินทรัพย์ (AMC) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกลุ่มธุกิจที่มองว่ามีศักยภาพเติบโตสูง ในปีนี้ XPG เตรียมประมูลสินทรัพย์ด้อยคุณภาพเพิ่มมากขึ้น มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท โดยร่วมบริหารงานกับพันธมิตรอย่าง บมจ.แสนสิริ (SIRI) เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มีทิศทางเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้กลุ่มธุรกิจ AMC จะยิ่งมีบทบาทอย่างมากในการเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อเข้ามาช่วยแก้ปัญหาสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ในระบบได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดย XPG มุ่งเน้นไปที่การบริหารกลุ่มสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่มีหลักประกัน เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ บ้าน คอนโด ซึ่งกลุ่มธุรกิจนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสใหม่ในการสร้างรายได้ในอนาคตด้วย
นอกจากนั้น ในปีนี้ XPG ยังมองเห็นโอกาสการลงทุนในธุรกิจ Green Investment ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการพัฒนาที่ยั่งยืนของภาคธุรกิจและสังคม บริษัทยังคาดหวังประโยชน์ที่จะได้จากโอกาสการร่วมลงทุนกับยักษ์ใหญ่ในภูมิภาคอื่น ๆ รวมไปถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ โดยกำหนดสัดส่วนการลงทุนในด้านนี้ไว้ที่อัตราส่วน 10%
ล่าสุด XPG ร่วมลงทุนในบริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE) ผู้ให้บริการด้านการชาร์จรถ EV แบบครบวงจร ด้วยจุดแข็งทางธุรกิจของชาร์จ การใช้อุปกรณ์นำเข้ามาตรฐานยุโรป ปลอดภัยต่อการใช้ไฟฟ้าแรงสูง มีทีมบริการหลังการขายแบบมืออาชีพดูแลลูกค้าทั่วประเทศ พร้อมเข้าถึงไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ผ่านแอปพลิเคชัน SHARGE ที่รองรับการค้นหา-จองสถานีชาร์จและจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชันอย่างง่ายดาย รวมถึงการจับมือธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ค่ายรถยนต์ ศูนย์การค้า และธุรกิจพลังงาน ในการสร้าง Ecosystem ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าตามพฤติกรรมการใช้งานทั้งกลุ่มชาร์จตามบ้าน-ชาร์จที่จุดหมายปลายทาง –ชาร์จตามสถานี
รวมไปถึงการลงทุนใน Venture Capital Fund กองทุน Cibus Enterprise Fund ii และล่าสุดเอ็กซ์สปริง มีการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับบริษัท คิง ออฟ เกมเมอร์ คลับ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.กันตนา กรุ๊ป ร่วมกันประกอบธุรกิจเกี่ยวกับภาพยนตร์ และพัฒนาโมบายแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงในรูปแบบต่าง ๆ และดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ และการส่งเสริมการขายที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการลงนามในสัญญาร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยเอ็กซ์สปริงมีสัดส่วนการถือหุ้น 61.5381%
สำหรับทิศทางการลงทุน ในปีนี้ของ XPG ยังคงมุ่งเน้นการแสวงหาการลงทุนและเปิดโอกาสในการลงทุนทุกประเภทที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต และด้วยการวางกลยุทธ์อย่างรัดกุม รองรับแพลตฟอร์มที่เราได้พัฒนาวางรากฐานของธุรกิจ ผนวกกับการดำเนินงานอย่างมืออาชีพด้วยวิสัยทัศน์ที่มองเห็นโอกาสของโลกการเงินแห่งอนาคต ทำให้บริษัทคาดว่าจะสามารถสร้างรายได้รวมในปี 65 ได้เกินกว่า 1,000 ล้านบาท
“ด้วยโรดแมพของเอ็กซ์สปริงที่วางไว้ ในปี 65 มีเป้าหมายต่อยอด จากการใช้จุดแข็ง ‘One-Stop Financial Solutions’ เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการพัฒนาตลาดทุนไทย รวมไปถึงการขยายสินทรัพย์การลงทุนไปยังผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งจะส่งผลให้เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล กลายเป็นกลุ่มบริการทางการเงินแบบครบวงจร เชื่อมต่อโลกการเงินปัจจุบันและโลกการเงินดิจิทัลเข้าไว้ด้วยกัน”
นางสาว วรางคณา กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 65)
Tags: Cryptocurrency, XPG, คริปโทเคอร์เรนซี, วรางคณา อัครสถาพร, สินทรัพย์ดิจิทัล, หุ้นไทย, เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล