องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศเตือนเมื่อวันอังคาร (20 ก.พ.) ว่า ประเทศต่าง ๆ กว่าครึ่งหนึ่งของทั้งโลก จะมีความเสี่ยงสูงถึงสูงมากที่จะเกิดการระบาดของโรคหัดภายในสิ้นปีนี้ เว้นแต่จะมีมาตรการป้องกันเร่งด่วน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า โรคหัดได้แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นในหลาย ๆ ภูมิภาค ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคอื่น ๆ ในช่วงปีที่เกิดโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นช่วงที่หน่วยงานบริการด้านสุขภาพมือเป็นระวิง และไม่สามารถให้บริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคต่าง ๆ ได้ทันเวลา
นางนาตาชา โครว์ครอฟต์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านเทคนิคเกี่ยวกับโรคหัดและหัดเยอรมันจาก WHO กล่าวว่า “สิ่งที่เรากังวลคือในปี 2567 เราเห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำในโครงการสร้างภูมิคุ้มกันของเรา และหากเราไม่รีบดำเนินการฉีดวัคซีน โรคหัดก็จะแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว”
นอกจากนี้ นางโครว์ครอฟต์ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อปกป้องเด็ก ๆ โดยสังเกตเห็นว่า รัฐบาลต่าง ๆ ขาดความมุ่งมั่นในการป้องกันโรค เมื่อเทียบกับปัญหาอื่น ๆ เช่น วิกฤติเศรษฐกิจ และความขัดแย้งต่าง ๆ
โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อได้ง่าย เกิดจากไวรัสที่สามารถแพร่เชื้อและติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศ ซึ่งส่วนใหญ่ส่งผลกระทบต่อเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ซึ่งทาง WHO ระบุว่า เราสามารถป้องกันโรคหัดได้ด้วยการฉีดวัคซีน 2 โดส ซึ่งในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน ทั่วโลกสามารถป้องกันการเสียชีวิตได้มากกว่า 50 ล้านคนนับตั้งแต่ปี 2543 ด้วยความพยายามในการฉีดวัคซีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 67)
Tags: WHO, สุขภาพ, องค์การอนามัยโลก, โรคระบาด, โรคหัด