นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตประมาณ 10-15% จากปีก่อน ตามกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยคาดการขยายกำลังการผลิตเส้นด้ายยางยืดจะเร็วกว่าแผนที่วางไว้
ซึ่งในเฟสแรกมีกำหนดแล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 ซึ่งอาจจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดการเดิม ขณะที่เฟสที่สองจะเร่งให้แล้วเสร็จในช่วงปลายปี 2565โดยจะส่งผลให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นทั้ง 2 เฟสรวมอยู่ที่ประมาณ 20-30% จากกำลังการผลิต ณ ปัจจุบัน เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
“แนวโน้มธุรกิจในปีนี้มองว่าภาพรวมอุตสาหกรรมสิ่งทอจะกลับมาฟื้นตัว หลังจากคลี่คลายจาก COVID-19 ทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกาใต้ ซึ่งมีการชะลอตัวในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ดังนั้นความต้องการยางยืดสำหรับสิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม จะมีมากขึ้น รวมทั้งอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่กลับมาฟื้นตัวและเติบโต ทำให้มีความต้องการสินค้าที่หลากหลายตอบรับกับแผนขยายกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของเส้นด้ายยางยืดเคลือบแป้ง และเคลือบซิลิโคน ตามกลยุทธที่ว่า “ทุกเรื่องยางยืด ครบจบที่เวิลด์เฟล็กซ์” ผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตได้อย่างต่อเนื่องได้อีกในระยะยาว”
นายณัฐ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 64 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 359.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 521.17% จากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 57.81 ล้านบาท โดยเป็นระดับกำไรสูงสุดใหม่ของบริษัท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 3,776.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.79% จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ส่วนงวดไตรมาส 4/64 บริษัท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 170.86 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนมีขาดทุนสุทธิเท่ากับ 1.38 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,187.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71.25%จากงวดเดียวกันของปีก่อน
ปัจจัยที่มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น เนื่องจากเป็นผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ มีความสามารถในการผลิตเส้นด้ายยางยืดในการผลิตเส้นด้ายยางยืดในทุกขนาด ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ และเน้นกลยุทธ์การบุกตลาด เพื่อชิงส่วนแบ่งนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้น เช่น ประเทศในทวีปอเมริกาใต้และทวีปยุโรป ซึ่งอยู่ในช่วงเวลาที่ความต้องการสินค้าสูงขึ้น จากปัญหา COVID-19 รวมทั้งบริษัทฯเลือกใช้ช่องทางการทำตลาดแบบตรงเข้าสู่ End Users โดยตรงจากเดิมที่จะขายผ่านผู้จัดจำหน่ายสินค้า(Distributor) ตลอดจนการที่กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนลดลง (Economy of scale) รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ในแต่ละ segmentทำให้ขายได้มาร์จิ้นที่สูงขึ้นอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.พ. 65)
Tags: WFX, ณัฐ วงศาสุทธิกุล, หุ้นไทย, เวิลด์เฟล็กซ์