WealthMePlease: อย่ามือลั่น!! ฟังทางนี้ ก่อนลุยกองทุนหุ้นจีน

ตลาดหุ้นจีนพุ่งกว่า 30% !! หลังจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ อัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบ โดยเฉพาะมาตรการอุ้มภาคอสังหาริมทรัพย์

โมเมมตัมนี้จะยังไปต่อไหม หรือจะมาแค่ช่วงสั้น Wealth Me Please EP มาพูดคุยกับนายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.อีสท์สปริง เพื่อช่วยวิเคราะห์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน ประเมินการลงทุนในตลาดหุ้นจีนว่าถึงเวลาที่จะกลับไปลุยต่อหรือไม่?

นายบดินทร์ มองว่ามาตรการลดดอกเบี้ยช่วยลดภาระทางการเงิน เพิ่มสภาพคล่องให้กับระบบเศรษฐกิจของจีนและภาคธุรกิจของจีนแล้ว แต่ก็ต้องติดตามต่อว่าจะมีการใช้จ่ายมากขึ้นหรือไม่ และมาตรการด้านภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ออกมาจะช่วยกระตุ้นราคาขายบ้านได้จริงหรือไม่

ส่วนมาตรการกองทุนพยุงหุ้นจีน เคยทำมาแล้ว 2 รอบ คือในปี 58 และเมื่อต้นปี 67 หุ้นขึ้นได้ 2 เดือนถึง 2 เดือนครึ่ง แล้วก็ปรับตัวลง

อย่างไรก็ดี มองภาพรวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนทั้งหมดที่ออกมาส่งโมเมมตัมเชิงบวก โดยในระยะสั้นเป็นบวกต่อนักลงทุน ซึ่งดูแล้วทางการจีนเอาจริงเอาจังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อีกมุมที่สำคัญคือ ประชาชนจะตอบรับหรือไม่ จะกล้าซื้อบ้านหรือไม่ และราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นหรือไม่

นายบดินทร์ คาดว่าปี 67 นี้เศรษฐกิจจีนน่าจะเติบโตได้ 5% ตามคาดการณ์ แต่ปีหน้าต้องติดตามตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ 3 ตัว ได้แก่ เงินเฟ้อ ราคาบ้าน และ กิจกรรมทางเศรษฐกิจ จะเพิ่มมากขึ้นหรือไม่ หรือ อย่างน้อย 2 ใน 3 ดีขึ้นก็จะเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจจีนจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสิ่งที่จะตามมาคือการปรับเพิ่มประมาณการกำไรบริษัทจดทะเบียน และราคาหุ้นถึงจะปรับขึ้นค่อยเป็นค่อยไป

หลังจากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ราคาหุ้นจีนพุ่ง 30% อย่างรวดเร็ว จากนั้นเริ่มจะนิ่งๆ ในระยะกลางและระยะยาวจะไปต่อได้หรือไม่ แล้วเราจะเข้าไปซื้อกองทุนหุ้นจีนได้หรือยัง นายบดินทร์ ระบุว่า ผู้ที่มีการลงทุนหุ้นจีนอยู่แล้วสัดส่วนลงทุนเกิน 10-15% ยังไม่ควรรีบลงทุนเพิ่ม เพราะถ้าตลาดหุ้นไม่ได้ปรับขึ้นอย่างที่คิดก็อาจทำให้พอร์ตเสียหายได้ แต่สามารถถือรอให้ส่วนที่ขาดทุนกองหุ้นจีนค่อยๆลดลง หาจังหวะที่ตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้นค่อยๆ ทยอยขายออก

ส่วนผู้ที่ยังไม่มีกองทุนหุ้นจีนในมือ หรือมีไม่มากแค่ 3-5% ของพอร์ต สามารถเลือกลงทุนได้ในช่วงสั้นๆ ถ้าตลาดหุ้นดีดขึ้นไป 5% ก็ให้ขายออด-เล่นรอบ เพราะหุ้นจีนขึ้นมาเร็วและแรง แต่หากต้องการถือยาวควรรอดูสัญญาณเศรษฐกิจปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้าว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่กระหน่ำออกมาทำงานได้ผลหรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ต.ค. 67)

Tags: , , , , , ,