นางจิตเกษม หมู่มิ่ง ผู้อำนวยการใหญ่สายการเงิน บมจ.วีจีไอ (VGI) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1 งวดปี 64/65 (1 เม.ย.64-30 มิ.ย.64) จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกสามเกิดขึ้น แต่ไม่ได้มีผลกระทบเท่าการแพร่ระบาดครั้งแรกและบริษัทได้มีการปรับตัวมาอย่างต่อเนื่องทำให้สามารถรับกับสถานการณ์ต่างๆได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกันนี้บริษัทยังได้ทำโปรโมชั่นให้กับลูกค้าในช่วงที่ผ่านมาหนุนให้มีการทำสัญญาระยะยาวด้วย
บริษัทยังคงเป้าหมายการเติบโตของรายได้รวมของงวดปี 64/65 (1 เม.ย.64-31 มี.ค.65) ที่ 3,800-4,000 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในช่วง 20-25% โดยคาดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะคลี่คลายลงหลังจากมีการกระจายวัคซีนได้มากขึ้น รวมถึงภาครัฐยังคงใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจะช่วยหนุนให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตตามปกติและเดินทางมากขึ้น รวมไปถึงมีโอกาสกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวกลีบมาในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นผลบวกให้ลูกค้ากลับมาลงทุนด้านสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ขณะที่บริษัทได้เข้าเจรจาต่อรองกับคู่ค้าเพื่อลดต้นทุนด้านค่าใช้จ่ายต่างๆ ลง หลังจากผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้เม็ดเงินที่ใช้ในสื่อโฆษณาของลูกค้าปรับตัวลดลงด้วย โดยในปีนี้คาดว่าจะสามารถลดต้นทุนได้ไม่ต่ำกว่า 75 ล้านบาท จากปีก่อนที่สามารถลดต้นทุนได้แล้ว 150 ล้านบาท
ในปีนี้บริษัทได้เตรียมงบลงทุนไว้ 450 ล้านบาท โดยจะใช้งบลงทุนราว 250 ล้านบาทขยายพื้นที่สื่อโฆษณาบนพื้นที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเซนต์หลุยส์ รวมไปถึงสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่คาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. 65 ส่วนที่เหลืออีกราว 200 ล้านบาทจะใช้ในการพัฒนาระบบไอทีและแพลตฟอร์มต่างๆของ Rabbit Group
สำหรับธุรกิจบริการด้านดิจิทัล (Rabbit) ในงวดปี 64/65 (1 เม.ย. 64 – 31 มี.ค. 65) ที่มีการเติบโตตามธุรกรรมการชำระเงิน ค่าธรรมเนียม และค่าคอมมิชชั่นประกัน เป็นต้น โดยมองว่าหากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และประชาชนเริ่มกลับมาดำเนินชีวิตได้ใกล้เป็นปกติได้ จะหนุนให้ยอดผู้ใช้บัตรแรปบิทขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า การซื้อสินค้าและบริการอื่นๆด้วย ในขณะเดียวกันยังได้เพิ่มการให้บริการในการเดินทางด้วยรถบัสและเรือเพิ่มเติมด้วย
ทั้งนี้ บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มจำนวน Rabbit Card ในปีนี้เป็น 16 ล้านใบ จากปีก่อนที่ 14.2 ล้านใบ และวางเป้าหมายเพิ่มยอดผู้ใช้ Rabbit Line Pay เพิ่มเป็นกว่า 9 ล้านราย จากปีก่อนที่ราว 8.2 ล้านราย
ขณะที่บริษัท บีเอสเอส โฮลดิ้งส์ จำกัด (BSSH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ VGI ถือหุ้นในสัดส่วน 90% ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) (AEONTS) และ บมจ.ฮิวแมนนิก้า (HUMAN) เพื่อจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ชื่อ บริษัท แรบบิท แคช จำกัด ดำเนินธุรกิจบริการสินเชื่อรูปแบบดิจิทัลและประกันภัย โดย BSSH ถือหุ้นในสัดส่วน 77%, AEONTS ถือหุ้นสัดส่วน 18% และ HUMAN ถือหุ้นในสัดส่วน 5%
เบื้องต้นแรบบิท แคช คาดว่าจะเริ่มเปิดตัวให้บริการได้ในเดือน ก.ย.64 และเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือน ต.ค.64 วางเป้าหมายปล่อยสินเชื่อส่วนบุคคลไว้ที่ราว 1,000 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนออกเป็นแบบสวัสดิการพนักงาน ประมาณ 70% และ นาโนไฟแนนซ์ 30% คาดว่าจะสร้างรายได้จากดอกเบี้ยรับในงวดปี 64/65 (1 เม.ย.64-31 มี.ค.65) ไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท
นางจิตเกษม กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) ที่จะเข้ามาเสริมศักยภาพให้บริษัทสามารถให้บริการอย่างครบวงจร และเป็นการเสริมการเติบโตของธุรกิจหลักด้วย โดยมองว่าในปัจจุบันมีผู้ที่ต้องการจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่ม บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) ที่มีความแข็งแกร่งด้านการเงินและด้านพื้นฐานของธุรกิจ ในขณะเดียวกันมองว่าเป็นช่วงที่มีความเหมาะสมด้านราคาด้วย โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินทุนเหลือคอนข้างมาก และยังมีวงเงินกู้จากสถาบันทางเงินอีก 5,000 ล้านบาท ที่จะสามารถรองรับการลงทุนได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มิ.ย. 64)
Tags: AEONTS, BSSH, BTS, HUMAN, Rabbit Group, VGI, จิตเกษม หมู่มิ่ง, ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล, บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์, บีเอสเอส โฮลดิ้งส์, ผลประกอบการ, มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ, วีจีไอ, สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส, สื่อโฆษณา, อิออน ธนสินทรัพย์, ฮิวแมนนิก้า, แรบบิท แคช