บมจ.ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย (UPA) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้บริษัทฯเข้าซื้อหุ้นสามัญของบริษัท โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป จำกัด (GTG) จำนวนไม่เกิน 9,684,987 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ซึ่งได้ชำระแล้วจนเต็มมูลค่าคิดเป็นไม่เกิน 96.49% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายแล้วทั้งหมดของ GTG จากบริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นจำนวน 4 บริษัท โดยมีผู้ถือหุ้นเดิมของ GTG จำนวน 42 ราย ไม่รวมถึงบริษัท แคนนา แคร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ UPSA ที่เข้าไปถือหุ้นใน GTG ก่อนหน้านี้ คิดเป็นมูลค่าในการเข้าซื้อหุ้นของ GTG ในครั้งนี้ทั้งสิ้น 2,788.41 ล้านบาท
บริษัทจะชำระราคาหุ้นสามัญของ GTG ให้แก่บริษัทที่จะจัดตั้งใหม่ทั้ง 4 บริษัท ในจำนวนไม่เกิน 8,449,719,031 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ราคาเสนอขาย 0.33 บาท/หุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมไม่เกิน 2,788.41 ล้านบาท คิดเป็นอัตราหุ้นสามัญของบริษัท 872.455382 หุ้น ต่อหุ้นสามัญของ GTG จำนวน 1 หุ้น ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) คือ ทั้ง 4 บริษัทที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ หรือคิดเป็น 45.48% ของหุ้นที่ออกและชำระแล้วของบริษัทฯ ภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว
ขณะที่ทั้ง 4 บริษัทจะโอนหุ้นสามัญของ GTG ให้แก่ UPA ภายใต้กระบวนการโอนกิจการทั้งหมด (Entire Business Transfer หรือ EBT) ทั้ง ทรัพย์สิน หนี้สิน สิทธิ หน้าที่ และความรับผิดชอบทั้งหมดของบริษัทที่จะจัดตั้งที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่จะมีในอนาคต ณ วันโอนกิจการ
บริษัทจะเข้าทำการลงทุนในหุ้นสามัญของ GTG ภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ครั้งที่ 1/2564 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 5 พ.ย.64 และภายหลังจากที่เงื่อนไขบังคับก่อนต่างๆ ในสัญญาโอนกิจการทั้งหมดโอนกิจการทั้งหมด ระหว่างบริษัทและบริษัทที่จะจัดตั้งจำนวน 4 บริษัท สำเร็จครบถ้วน โดยบริษัทคาดว่าจะเข้าทำสัญญาโอนกิจการทั้งหมดและคาดว่าจะทำรายการแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2564
ทั้งนี้ ธุรกิจหลักของ GTG คือการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา (cannabis) เช่น การเพาะปลูกต้นกัญชาสายพันธุ์คุณภาพซึ่งมีการพัฒนาเป็นการเฉพาะ รวมถึงการจัดหาวัสดุอุปกรณ์การปลูกอย่างครบวงจร การผลิตสารสกัดจากกัญชาและชีวมวลจากการผลิตเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ นอกจากนี้ GTG ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายภายใต้บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการศึกษาวิจัยกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการปลูกในพื้นที่จังหวัดเชียงราย การผลิตเมล็ดกัญชา ต้นกัญชา การสกัดสารสกัดจากต้นกัญชา ศึกษาวิจัย การแปรรูปกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยระยะเวลาของ MOU : มีผลตั้งแต่วันที่คู่สัญญาเข้าทำ MOU และสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลา 20 ปี นับจากวันที่มีการตรากฎหมายว่าด้วยการอนุญาตให้หาประโยชน์ทางเศรษฐกิจจากพืชกัญชา
นอกจากนี้ GTG ยังมีการประกอบธุรกิจผ่านบริษัทย่อย ได้แก่
- บริษัท จีทีจี คอมเมิร์ซ จำกัด (GTG ถือ 99.99%) ดำเนินธุรกิจ Food & Café จำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชา-กัญชงที่ถูกกฎหมายและได้รับการรับรอง และเป็นจุดให้บริการและจัดจำหน่ายผ่านระบบหน้าร้าน ส่วนการขายปลีก ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเกี่ยวกับ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ OEM วัสดุและอุปกรณ์การปลูก ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเกี่ยวกับการเพาะปลูกกัญชา-กัญชงแบบครบวงจร
- บริษัท จีทีจี แพลนท์ แฟคตอรี่ จำกัด (GTG ถือ 100%) ดำเนินธุรกิดเพาะปลูก ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา-กัญชง(cannabisand hemp) โดยใช้ต้นกัญชาสายพันธุ์คุณภาพที่ให้ประสิทธิผลสูง และกรรมวิธีการเพาะปลูกที่ทันสมัย
- บริษัท โทพิเคิล เทอร์ปีนส์ จำกัด (GTG ถือ 99.99%) ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันหอมระเหยออร์แกนิกที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชา (Cannabis Terpene) เพื่อนำไปใช้ ในอาหารและเครื่องดื่ม และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางในเชิงพาณิชย์
- บริษัท จีทีจี เทค จำกัด (GTG ถือ 51%)เป็นผู้พัฒนาซอฟท์แวร์การวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ด้านการเกษตร
- บริษัท ชานาบิส กรุ๊ป จำกัด (GTG ถือ 30%)เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายชาที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชา (Cannabis Terpene)และผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพอื่นๆ
- บริษัท เฮมพ์ไอซ์ จำกัด (GTG ถือ 25%) เป็นผู้ผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไอศกรีมที่มีส่วนผสมของสารสกัดแคนนาบินอยด์ และ Cannabis Terpene จากกัญชา
ทั้งนี้ UPA คาดว่าการลงทุนในหุ้นสามัญของ GTG ในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์ต่อบริษัทฯ ได้แก่ ขยายขอบเขตการลงทุนไปยังธุรกิจหลักของ GTG ได้แก่ การผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา-กัญชง (cannabisand hemp) เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์-พาณิชย์และเทคโนโลยีการเกษตรซึ่งส่งเสริมธุรกิจหลักของ GTG ดังกล่าว รวมถึงธุรกิจด้านการบริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์อาหารและการขายปลีก ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯ ในรูปของเงินปันผล นอกจากนี้ธุรกิจหลักของเป็นธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนเชิงนโยบายจากภาครัฐทำให้สามารถพัฒนาต่อยอดผลิตผลทางการเกษตรให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มได้ทั้งในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม
และเพิ่มโอกาสในการสร้างทางเลือกใหม่ในการลงทุน และสร้างรายได้ให้บริษัทฯ นอกเหนือไปจากรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าธุรกิจสาธารณูปโภค และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ นอกจากนี้ยังเป็นการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจหลักในปัจจุบัน และจะช่วยส่งเสริมให้บริษัทฯ มีศักยภาพในการสร้างความมั่นคงและเสถียรภาพสำหรับการประกอบธุรกิจของบริษัทฯ ในระยะยาว
อีกทั้ง การลงทุนใน GTG สามารถสร้างรายได้ที่แน่นอน มั่นคง และต่อเนื่องระยะยาวให้กับบริษัทฯ เนื่องจาก GTG มีการทำ MOU กับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงรายเพื่อการผลิตเมล็ดกัญชา ต้นกัญชา การสกัดสาร สกัดจากต้นกัญชา ศึกษาวิจัย การแปรรูป กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องซึ่งมีกำหนดระยะเวลา 20 ปี
GTG เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจกัญชา-กัญชงที่ได้มาตรฐาน โดยผลิตภัณฑ์จากกัญชา-กัญชงของบริษัทสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ในอุตสาหกรรมหลากหลายประเภท เช่น อุตสาหกรรมการแพทย์ อุตสาหกรรมเครื่องสำอาง และอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มซึ่งสอดคล้องกับรูปแบบและแนวโน้มของสังคมในปัจจุบันที่ประชากรทุกเพศและวัยดูแลรักษาสุขภาพและเสริมสร้ งบำรุงร่างกายให้แข็งแรงเพื่อลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่อาจเกิดขึ้น รวมทั้งให้ความสนใจในผลิตภัณฑ์และสารสกัดจากสมุนไพรไทย ผลิตผลทางการเกษตรอื่น เป็ นต้น นอกจากนี้ ณ ปัจจุบัน GTG ยังมีความคืบหน้าที่กำลังจะมีรายได้เชิงพาณิชย์จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากกัญชา-กัญชง ดังนั้น การลงทุนใน GTG จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้และผลกำไรให้กับบริษัทฯ ในอนาคต
ทั้งนี้ บริษัทไม่ต้องพึ่งพากระแสเงินสดของบริษัทฯ หรือเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทฯ และไม่ต้องแสวงหาแหล่งเงินทุนสำหรับการลงทุนในหุ้นสามัญของ GTG เนื่องจากบริษัทฯ จะออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 8,449,719,031 หุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาเสนอขาย 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวม 2,788.41 ล้านบาท ให้ แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) เพื่อเป็น
บริษัทฯ จะได้ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จะจัดตั้งเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งหลายรายก็เป็นผู้ที่มีศักยภาพในการลงทุนและการดำเนินธุรกิจ และสามารถพัฒนาเป็นพันธมิตรกับบริษัทในทางธุรกิจได้ในระยะยาว ทั้งนี้ในกรณีที่บริษัทฯ ประสงค์จะเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมเพิ่มเติมในอนาคตก็สามารถสร้างความมั่นใจให้แก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นรายอื่นได้ว่าจะมีผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ที่มีศักยภาพพร้อมที่จะระดมทุนให้แก่บริษัทฯ ตามความประสงค์ที่จะใช้เงินทุน และคคลที่จะเข้ามาเป็นกรรมการใหม่ของบริษัทฯ นั้นเป็นบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความรู้ความสามารถซึ่งจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นโดยรวม
ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ มีมติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจากเดิม 5,065,171,462.50 บาท เป็น 13,470,544,918.00 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 16,810,746,911 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นจำนวน 8,405,373,455.50 บาท ซึ่งบริษัทจะจัดสรร 8,449,719,031 หุ้นเพื่อชำระเป็นค่าตอบแทนสำหรับการเข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ GTG
พร้อมทั้ง จัดสรร 4,645,015,489 หุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ อัตราส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคา 0.33 บาทตามสัดส่วนการถือหุ้น ( ights Offering) ณ วันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2564 และ จัดสรร 3,716,012,391 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (UPA-W2) ซึ่งออกและจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม วันกำหนดรายชื่อผู้ ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรใบสำคัญแสดงสิทธิ (Record Date) ในวันที่ 15 ธ.ค.อัตราส่วน 5 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ราคาใช้สิทธิ 0.60 บาทต่อหุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ค. 64)
Tags: GTG, UPA, กัญชา, ยูไนเต็ด เพาเวอร์ ออฟ เอเชีย, หุ้นไทย, โกลเด้น ไทรแองเกิ้ล กรุ๊ป