นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทาทา สตีล (ประเทศไทย) (TSTH) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ายอดขายเหล็กงวดปี 64/65 (เม.ย.64-มี.ค.65) เติบโตกว่างวดปี 63/64 (เม.ย.63-มี.ค.64) ที่ทำได้ 1.303 ล้านตัน ตามความต้องการเหล็กในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะมีผลกระทบต่อการก่อสร้างในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลที่มีสัดส่วนการก่อสร้าง 50% แต่อย่างไรก็ตามในต่างจังหวัดยังมีการก่อสร้างอย่างต่อเนื่อง และเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายคาดว่าการก่อสร้างจะกลับมาได้เร็ว ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของงวดปี 64/65 จะยังเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งภาครัฐบาลยังได้เน้นการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน และการลงทุนขนาดใหญ่อื่นๆเพื่อที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ จะช่วยหนุนให้ความต้องการใช้เหล็กปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้ประเทศจีนยังได้มีการปรับอุตสาหกรรมเหล็กให้ลดลง และเน้นการผลิตเหล็กเพื่อในประเทศมากขึ้น ในขณะเดียวกันค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นมาค่อนข้างมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาใช้เหล็กในประเทศมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อผู้ผลิตเหล็กในประเทศไทยให้ปรับตัวดีขึ้น
“ทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคงเติบโตต่อเนื่องเมื่อเทีบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ด้วยราคาเหล็กที่ยังอยู่ในระดับสูง และความต้องการเหล็กยังมีอยู่สูง ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้นมองว่าสะท้อนกับผลประกอบการของบริษัทปัจจุบัน”
นายราจีฟ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ค. 64)
Tags: TSTH, ทาทา สตีล, ผลประกอบการ, ราจีฟ มังกัล, หุ้นไทย, เหล็ก