นายณัฐวรรธน์ อัศวธนิกกุล เลขานุการบริษัท บมจ.ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล (TSTE) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในปี 65 จะเติบโตกว่าปีนี้ หลังขยายเข้าสู่ธุรกิจรับจ้างผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ (Packing & Repacking) ซึ่งถือเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยปัจจุบันเริ่มมีบรรจุภัณฑ์สินค้าที่ออกจำหน่ายบ้างแล้ว ได้แก่ น้ำตาลราชา, แอลกอฮอล์ K Germ, Drip coffee ตรา mellow drip เป็นต้น และในช่วงปลายปี 64 ก็เตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติมอีกด้วย
ปัจจุบัน บริษัทมีกำลังผลิตบรรจุภัณฑ์ราว 1.5 ล้านขวด/เดือน และ 2.9 ล้านฝา/เดือน หรือคิดเป็น 1.2 ล้านลัง/เดือน โดยในปี 65 ธุรกิจดังกล่าวถือเป็นธุรกิจที่จะผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนธุรกิจเดิม ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจท่าเรือและคลังสินค้า ธุรกิจท่าเรือคอนเทนเนอร์ ในปี 65 คาดจะปรับตัวดีขึ้นตามทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้น รวมถึงธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันพืช หลังจากเปิดประเทศและมีการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ในประเทศ ก็ทำให้ยอดขายน้ำมันพืชดีขึ้น แต่อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีโควิด-19 หรือไม่มีโควิด-19 ธุรกิจอาหารก็ยังเติบโตได้ จากเป็นสินค้าที่มีความจำเป็น และมองว่าธุรกิจดังกล่าวก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เข้ามาสนับสนุนการเติบโตในปี 65 ด้วยเช่นกัน
สำหรับปี 64 บริษัทยอมรับว่ารายได้น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปี 63 ที่อยู่ที่ 2,284.50 ล้านบาท หลัง 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้อยู่ที่ 1,504.28 ล้านบาท เนื่องจากโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อธุรกิจหลัก อย่างท่าเรือและคลังสินค้า และท่าเรือคอนเทนเนอร์ แต่ยังมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน หลังจาก 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 128.20 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนทั้งปีที่อยู่ที่ 132.72 ล้านบาท จากการควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 64)
Tags: TSTE, ณัฐวรรธน์ อัศวธนิกกุล, บรรจุภัณฑ์, ผลการดำเนินงาน, หุ้นไทย, ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล