บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) รายงานผลการดำเนินงานในระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่การควบรวมบริษัทเสร็จสมบูรณ์ บริษัทรายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทภายหลังจากการจัดประเภทรายการใหม่ (Normalized) เป็น 0.8 พันล้านบาท โดยมี EBITDA เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน
รายได้ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิก พร้อมการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวมและการเพิ่มประสิทธิภาพในเชิงโครงสร้างที่ส่งผลดีต่อค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน
ทั้งนี้ในไตรมาส 1/67 บริษัทฯ มีรายได้รวมที่ 51,347 ล้านบาท ทรงตัวเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ในขณะที่ลดลง 1.9% ในไตรมาส 4/66 จากรายได้จากการขายลดลง, รายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย IC ในไตรมาส 1/67 เป็น 41,268 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.2% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น 1.5 เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากกลุ่มธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ธุรกิจออนไลน์ และธุรกิจโทรทัศน์บอกรับสมาชิกปรับตัวดีขึ้น
ในไตรมาส 1/67 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานไม่รวมค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (D&A) ลดลง 13.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน และ 7.0% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม และการมุ่งเน้นมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงโครงสร้าง ขณะที่ต้นทุนจากการขายลดลงสอดคล้องกับยอดขายสินค้าที่ลดลงในไตรมาสนี้ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารในไตรมาสที่ 1/2567 ลดลง 28.8% จากปีก่อน และ 8.9% จากไตรมาสก่อน
โดยได้ประโยชน์จากการควบรวมด้วยการบริหารต้นทุนค่าคอมมิชชั่นและค่าใช้จ่ายทางการตลาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตลอดจนหนี้เสียที่ลดลง ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่น ๆ ยังคงได้รับการควบคุมอย่างดีจากการขับเคลื่อนวัฒนธรรมการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงานทั่วทั้งองค์กร
สำหรับสามเดือนแรกของปีนี้ EBITDA เพิ่มขึ้น 21.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4.8% จากไตรมาสก่อน โดย EBITDA สำหรับไตรมาส 1/67 ปรับตัวดีขึ้น 1,082 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากการปรับตัวที่ดีขึ้นของรายได้ ในขณะที่การเติบโตประมาณ 40% เกิดจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม EBITDA ต่อรายได้จากการให้บริการดีขึ้นเป็น 57.2% สำหรับไตรมาสนี้
อีกทั้งในไตรมาส 1/67 บริษัทฯ บันทึกผลกระทบเชิงลบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจากการด้อยค่าสินทรัพย์ที่มีความซ้ำซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย จำนวน 1,571 ล้านบาท ส่งผลให้มีขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี จำนวน 769 ล้านบาท ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว กำไรสุทธิหลังหักภาษีจะอยู่ที่ 802 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 1,182 ล้านบาทจากไตรมาสก่อน โดยมีปัจจัยหลักมาจากการปรับตัวดีขึ้นของ EBITDA ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายด้านการลงทุน (CAPEX) สำหรับไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 3,557 ล้านบาท เป็นผลมาจากการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม
บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเติบโตที่สร้างกำไรอย่างยั่งยืนด้วยการเร่งดำเนินการในการรับรู้ผลประโยชน์จากการควบรวม ในขณะเดียวกันก็ยังคงปลูกฝังวัฒนธรรมการปฏิบัติงานที่มุ่งเน้นการบรรลุเป้าหมายในการดำเนินงานภายในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นยังคงแนวโน้มสำหรับปี 67 ตามเดิม
โดย TRUE คาดว่ารายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จะมีการเติบโต 3-4%
– EBITDA จะมีการเติบโต 9-11%
– ค่าใช้จ่ายลงทุนรวมงบลงทุนเพื่อให้ได้มาซึ่งประโยชน์จากการควบรวม หรือ CAPEX ประมาณการณ์ไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท
– บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถทำกำไรภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ได้ในปี 67
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ค. 67)
Tags: TRUE, ทรู คอร์ปอเรชั่น