TPIPP มั่นใจปี 68 กำไรโตรับแผนยุติใช้ถ่านหินสิ้นปีกดต้นทุนลง จ่อ COD โซลาร์ฟาร์ม 24.35MW

นายวรวิทย์ เลิศบุษศราคาม รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บมจ.ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ [TPIPP] กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานปี 68 คาดว่าจะเติบโตดีขึ้น จากต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลดลง โดยในปี 67 บริษัทยังเหลือการใช้ถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าขนาด 150 เมกะวัตต์ ขณะที่ราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตไฟฟ้า กดดันผลประกอบการ แต่ในปีนี้บริษัทจะทยอยลดการใช้ถ่านหินลงจนครบทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งจะทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าลดลง

ทั้งนี้ ผลประกอบการปี 67 บริษัทมีรายได้จากการขายไฟฟ้าและสินค้า รวมทั้งรายได้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้าจำนวน 10,747 ล้านบาท ลดลง 2.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (YoY) เนื่องจากค่า Ft หรือค่าไฟฟ้าผันแปรลดลง ในขณะที่ปริมาณขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และมีรายได้รวม 11,097 ล้านบาท ลดลง 2.06% YoY ขณะที่กำไรสุทธิ จำนวน 3,302 ล้านบาท ลดลง 9.61% YoY

ขณะที่บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในช่วง 3 ปี (67-69) 15,476.44 ล้านบาท ปัจจุบันเหลืองบลงทุนราว 3,700 ล้านบาท ซึ่งเน้นลงทุนในโครงการที่มีอยู่ให้สามารถทำกำไรได้เพิ่มขึ้น ด้วยการลดค่าใช้จ่าย รวมทั้งเพิ่มหม้อต้มไอน้ำ (Boiler) เพื่อทดแทนการใช้พลังงานถ่านหิน โดยในปี 67 ติดตั้ง Boiler 16 ไปแล้ว และเตรียมเปิดดำเนินการ Boiler 8 A B C ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง คาดว่าภายในไตรมาส 2/68 จะสามารถเปิดดำเนินการได้ครบทั้งหมด ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าได้ 48-50% ของต้นทุน ทำให้รายได้และกำไรเติบโตขึ้น

หลังจากการเปลี่ยนการใช้พลังงานถ่านหินเป็นพลังงานเชื้อเพลิงขยะ ทำให้มีความต้องการขยะเพิ่มมากขึ้น หรือความสามารถในการจัดการขยะจะเพิ่มมากขึ้น โดยในไตรมาส 1/68 อาจยังมีการใช้ขยะไม่มาก ซึ่งหลังจากการติดตั้ง Boiler ครบ ประเมินทั้งปีจะมีปริมาณขยะเข้ามา 4.11 ล้านตัน ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังสะท้อนถึงคาร์บอนเครดิตที่จะเพิ่มขึ้นมาด้วย

นอกจากนี้ ในปี 68 คาดปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับโรงปูนซีเมนต์จะเพิ่มขึ้นเป็น 75% จากปี 67 ที่ 71.91% เนื่องจากโรงงานปูนเริ่มมีการเดินเตาที่ก่อนหน้าหยุดไป ส่งผลให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง ปริมาณการขายไฟฟ้าให้จะเติบโตเช่นเดียวกัน

ขณะที่โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ เตรียมเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) อีก 2 โครงการกำลังผลิตรวม 24.35 เมกะวัตต์ในปีนี้ ประกอบด้วย โครงการโซลาร์ฟาร์มเฟส 3 กำลังผลิต 9.6 เมกะวัตต์ COD พ.ค. 68 และ โครงการโซลาร์ฟาร์ม เฟส 4 กำลังผลิต 14.75 เมกะวัตต์ COD พ.ย. 68 ส่งผลให้บริษัทจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 81.38 เมกะวัตต์ นอกจากนี้บริษัทจะติดตั้งระบบกักเก็บพลังงาน เพื่อเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ช่วงพีค ซึ่งคาดว่าจะติดตั้งแล้วเสร็จ พ.ค. 68

สำหรับความคืบหน้าโรงไฟฟ้าที่บริษัทชนะประมูลก่อนหน้านี้ ประกอบด้วยโรงไฟฟ้าสงขลา โครงการบริหารจัดการขยะมูลฝอยเพื่อผลิตไฟฟ้า จำนวนติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ สัญญาซื้อขายไฟ 7.92 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถ COD ได้ในเดือนก.ค. 68 เร็วกว่าสัญญาจากเดือนพ.ย. 68 ขณะที่โรงไฟฟ้าที่มุกดาหาร จำนวนติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ สัญญาซื้อขายไฟ 8 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างการก่อสร้าง นอกจากนีบริษัทยังมีความพร้อมที่จะประมูลงานใหม่จากภาครัฐ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 มี.ค. 68)

Tags: , ,