บมจ.ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป [THG] ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงบการเงินรวมของบริษัทงวดไตรมาส 3/67 และโครงการจิณณ์เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้
1. การตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตจากการดำเนินงานของบริษัท รวม 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343% เมื่อเทียบกับงบการเงินรวมปี 66
1.1 กลุ่มผู้ป่วย UCEP COVID-19 บริษัทและบริษัทย่อย คือ บจ. โรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง บมจ. โรงพยาบาลราษฎร์ยินดี บจ. ตรังเวชกิจ และบจ.ธนบุรีเวลบีอิ้ง มีลูกหนี้กลุ่มผู้ป่วย UCEP COVID-19 ซึ่งรับรู้ค่าเผื่อฯในไตรมาส 3/67 รวม 284 ล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาเกี่ยวกับการได้รับชำระเงินจากหน่วยงานภาครัฐในส่วนของการเบิกจ่ายจากการรักษาช่วงโควิด-19 ระบาด โดยในปี 64-66 บริษัทและบริษัทย่อย โดยเฉพาะ บจ. โรงพยาบาลธนบุรีบำรุงเมือง (THB) รับรู้รายได้จากการให้บริการผู้ป่วยในช่วงโควิด-19 และมีการประมาณการส่วนลดเพื่อสะท้อนจำนวนเงินที่คาดว่าจะได้รับชำระ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลและอัตราที่ได้รับชำระจริงในอดีต โดยใช้อัตราส่วนที่คาดว่าจะได้รับชำระช่วงระหว่าง 29-60% ซึ่งเป็นไปตามหลักความระมัดระวัง และเป็นไปตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป
ในปี 67 บริษัทฯ และบริษัทย่อยฯ รับรู้รายได้โดยรับรู้ประมาณการส่วนลด ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลและอัตราส่วนลดที่เกิดขึ้นจริงแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากลูกหนี้กลุ่มผู้ป่วย UCEP COVID-19 มีสถานะค้างชำระนานเกินกว่า 365 วัน และการชำระหนี้จากหน่วยงานภาครัฐที่ผ่านมาอยู่ในระดับต่ำแม้ว่าจะติดตามทวงถามอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องพิจารณาถึงความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับชำระหนี้เต็มจำนวนในอนาคต บริษัทและบริษัทย่อยจึงตั้งค่าเผื่อฯ 75% ของมูลหนี้คงเหลือ แต่หากภายในสิ้นปี 67 ยังไม่ได้รับการชำระหนี้คืนจากหน่วยงานภาครัฐก็จะตั้งค่าเผื่อฯ เพิ่มเป็น 100% ซึ่งจะมีมูลค่าประมาณ 81 ล้านบาท
1.2 ลูกหนี้กลุ่มผู้ป่วยที่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลด้วยตนเองโดยไม่ผ่านบุคคลที่สาม เช่น บริษัทประกันสุขภาพ (ลูกหนี้ Self-pay)
1.3 ลูกหนี้การค้าและลูกหนี้อื่น ในไตรมาส 3/67 บจ. ตรังเวชกิจ ตั้งค่าเผื่อฯ 1 ล้านบาทสำหรับลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง ซึ่งค้างชำระนานเกินกว่า 180 วัน และในช่วงเวลาเดียวกัน THB ตั้งค่าเผื่อฯ 10 ล้านบาท สำหรับรายการลูกหนี้อื่น โดยบริษัทฯ พิจารณาแล้วเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะไม่สามารถเรียกเก็บเงินได้และถือเป็นรายการอันควรสงสัย
การตั้งค่าเผื่อฯ ไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อสภาพคล่องของกลุ่มบริษัทฯ เนื่องจากผลประกอบการจากการดำเนินงานตามปกติ(ไม่รวมการบันทึกบัญชีค่าเผื่อฯ) ไม่ได้ประสบภาวะขาดทุนจากการดำเนินงานแต่อย่างใด และได้มีการหารือร่วมกับผู้สอบบัญชีเป็นประจำทุกปีโดยยึดหลักความระมัดระวังที่สอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีที่เกี่ยวข้อง
2. รายการกับ Bewell Saigon Health Clinic Company Limited ในปี 66 บริษัทฯ ได้เข้าทำข้อตกลงร่วมทุนกับ IFF Holdings Joint Stock Company เพื่อจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง โดย IFF Holdings Joint Stock Company จะถือหุ้นไม่เกิน 60% และ THG ถือหุ้น 40% (บริษัทโฮลดิ้ง) ซึ่งบริษัทโฮลดิ้งจะถือหุ้น 100% ใน Bewell ที่ตั้งขึ้นในเวียดนามเพื่อดำเนินธุรกิจคลินิกตรวจสุขภาพเชิงลึก
ในปี 66 และ 67 THG ได้ให้เงินกู้ยืมแก่ Bewell เพื่อใช้ตกแต่งสถานที่ ซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือและการเช่าพื้นที่ตั้งคลินิกระยะเวลาเงินกู้ไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 5% ต่อปี ณ ปัจจุบัน Bewell มีภาระหนี้คงค้าง 49 ล้านบาท ขณะที่ผู้รวมทุน IFF ให้กู้แก่ Bewell เช่นกันประมาณ 12.5 ล้านบาท พร้อมทั้งสนับสนุนในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่ทางการเงิน เช่น การจัดหาสถานที่การบริหารและควบคุมกระบวนการก่อสร้าง ตลอดจนการจัดเตรียมความพร้อมของสถานที่และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง
สำหรับเงินกู้บางส่วนที่บริษัทฯ ได้ให้แก่ Bewell ประมาณ 12.6 ล้านบาท ครบกำหนดชำระแล้ว บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาแปลงหนี้เป็นเงินลงทุนในบริษัทโฮลดิ้ง และ/หรือ Bewell โดยมีกำหนดเป้าหมายให้แล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/68 และคาดว่า Bewell จะได้รับใบอนุญาตภายในไตรมาส 1/68 เช่นกัน
3. รายการเกี่ยวกับหุ้นกู้ของ THG จากผลดำเนินงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อย ซึ่งไม่เป็นไปตามคาดการณ์รวมถึงรายการพิเศษที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำรงอัตราส่วนทางการเงินตามที่กำหนดไว้ในสัญญาที่ทำไว้กับ Credit Guarantee and Investment Facility, a trust fund of the Asian Development Bank (CGIF) ในฐานะผู้ค้ำประกันหนี้หุ้นกู้ของบริษัท ฯ อย่างไรก็ตาม ไม่มีผลทำให้ผู้ค้ำประกันหุ้นกู้สามารถเพิกถอนการค้าประกันได้และไม่มีผลทำให้บริษัทฯ ผิดนัดชำระหนี้แต่อย่างใด แต่ทำให้บริษัทฯ มีภาระต้องชำระค่าปรับให้แก่ CGIF ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการหารือกับ CGIF เพื่อขอผ่อนปรนเงื่อนไขบางประการในสัญญา คาดว่าจะได้รับข้อสรุปดังกล่าวภายในไตรมาส 1/68
4. รายการเกี่ยวกับโครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้
สถานะและความคืบหน้าของการขายโครงการ บริษัท ธนบุรีเวลบีอิ้ง จำกัด ยังคงดำเนินการขายโครงการตามปกติ ซึ่งโครงการมีจำนวน 494 ห้อง ณ วันที่ 30 ก.ย.มีจำนวนห้องที่ยังไม่ได้ขาย 234 ห้อง โดยธนบุรีเวลบีอิ้ง ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทั้งออนไลน์และออฟไลน์อย่างสม่ำเสมอ และในเดือน ธ.ค.67 เตรียมโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด 3 ห้อง อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก ธนบุรีเวลบีอิ้ง ได้รับผลกระทบจากข่าวต่าง ๆ ในทางลบ ทำให้ลูกค้ายกเลิกการซื้อกรรมสิทธิ์ห้องชุด 2 ห้อง และขายกรรมสิทธิ์ ห้องชุดสำเร็จเพียง 1 ห้อง
ที่ดินที่ธนบุรีเวลบีอิ้ง จัดสรรไว้สำหรับพัฒนาโครงการเฟส 2 และ 3 ในอนาคต ขนาด 28,469.44 ตร.ว. มูลค่าต้นทุน 840.39 ล้านบาท เดิมจัดอยู่ในประเภทสินทรัพย์หมุนเวียน แต่หลังจากการประเมินแล้วเห็นว่าโครงการนี้มีความเป็นไปได้สูงที่จะยังไม่เริ่มต้นก่อสร้างในช่วง 1 ปีข้างหน้า จึงปรับปรุงการจัดประเภทของที่ดินจาก “สินทรัพย์หมุนเวียน” เป็น “สินทรัพย์ไม่หมุนเวียน”
ส่วนการขายห้องชุดของโครงการให้แก่บริษัทที่เกี่ยวข้องนั้น ณ สิ้นไตรมาส 3/67 ธนบุรีเวลบีอิ้ง มีรายได้รอรับรู้จำนวน 20 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการขายห้องชุดแบบตกแต่งครบ (Fully Furnished) ให้กับ บริษัท ราชธานีพัฒนาการ (2014) จำกัด ได้รวมค่าเฟอร์นิเจอร์ไว้ด้วย แต่เนื่องจากการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ยังไม่แล้วเสร็จ ธนบุรีเวลบีอิ้งจึงยังไม่สามารถรับรู้รายได้ในส่วนค่าเฟอร์นิเจอร์ตามมาตรฐานบัญชีต่อมาบริษัทดังกล่าวได้ขอยกเลิกการติดตั้งเฟอร์นิเจอร์และธนบุรีเวลบีอิ้งได้หักกลบลบหนี้ค้างรับและค้างจ่ายเสร็จสิ้นในเดือน พ.ย.67 ส่งผลให้ยอดรายได้รอการรับรู้ 20 ล้านบาทไม่ถือเป็นหนี้สินทางบัญชีอีกต่อไป
ความเห็นคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบกับการเปิดเผยข้อมูลตามรายละเอียดข้างต้น และมอบหมายให้ฝ่ายบริหารเน้นย้ำให้สาธารณชนรับทราบว่านายแพทย์บุญ วนาสิน ไม่ได้มีส่วนร่วมในการลงทุนในโครงการดังกล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ธ.ค. 67)
Tags: THG, ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป, หุ้นไทย