หุ้น TFM ปิดเทรดวันแรกที่ 14.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท (+7.41%) จากราคาขาย IPO ที่ 13.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 4,565.81 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 15.70 บาท ราขึ้นสูงสุด 16.80 บาท และราคาลงต่ำสุด 14.20 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯจากการประมาณการเบื้องต้น บมจ.ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ (TFM) มีมูลค่าที่เหมาะสมในปี 65 ที่ 16.6 บาท (อิงบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมทั้งที่มีลักษณะการดำเนินธุรกิจใกล้เคียงกันแต่ให้พรีเมี่ยมจากอัตราทำกำไรของ TFM สูงกว่าค่าเฉลี่ย และมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีกว่า ที่ P/E 15 เท่า) จากคาดรายได้เติบโตเฉลี่ยปี 64-65 ที่ 17.33% หนุนโดยการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศ และรายได้จากต่างประเทศซึ่งมีการเติบโตในปี 65 ประมาณ 156.6% จากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงงานในอินโดนีเซีย (TUKL) และจากการขยายกำลังการผลิตในปากีสถาน(AMG-TFM) เพิ่มขึ้นเป็น 15,000 ตัน
ประกอบกับ อัตรากำไรคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นสู่ระดับเดิมจากราคาวัตถุดิบหลัก อย่างเช่น กากถั่วเหลือง มีแนวโน้มลดลง และไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าตลาดหลักทรัพย์ (โดยอัตรากำไรที่ลดลงในช่วงครึ่งแรกของปี 64 มาจากราคาวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวสูงขึ้นในขณะที่ยังคงราคาขายเท่าเดิม และ SG&A ที่ปรับตัวสูงขึ้นจากค่าขนส่ง)
สำหรับการเติบโตในระยะยาวของ TFM คาดว่าจะถูกหนุนโดยการขยายตัวไปยังต่างประเทศมากขึ้น จากเป้าหมายสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศที่ 25% ภายใน 5 ปี ซึ่งจะช่วยหนุนของบริษัทสู่ระดับ 8 พันลบ.
ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังของ TFM คือ ราคาของวัตถุดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้น
TFM ดำเนินธุรกิจโดยการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์เศรษฐกิจ โดยผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทฯ ได้แก่ อาหารกุ้ง อาหารปลา (รวมอาหารกบและอาหารปู) และอาหารสัตว์บก เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์ ฐานลูกค้าสำคัญเป็นกลุ่มลูกค้าในประเทศ และแบ่งกลุ่มลูกค้าหลักเป็น 2 กลุ่ม คือ ร้านค้าจำหน่ายอาหารสัตว์ ซึ่งซื้ออาหารสัตว์เพื่อนำไปจำหน่ายให้แก่กลุ่มเจ้าของฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ที่เลี้ยงกุ้งและปลาที่มีฐานลูกค้าของตนเอง (สัดส่วนการขายคิดเป็น 71-77 %) และฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์ ซึ่งซื้ออาหารสัตว์เพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสำหรับใช้เลี้ยงสัตว์ภายในฟาร์มของตนเอง (สัดส่วนการขายคิดเป็น 23-29 %)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ต.ค. 64)
Tags: IPO, TFM, หุ้นไทย, ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์