TCMC มั่นใจ Q4/67 สดใสรับเทรนด์สมาร์ทกริดหลัง 9 เดือนแรกรายได้ทะยานกว่า 28% กำไรโต 8.67%

นายกิตติ สัมฤทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พรีไซซ คอร์ปอเรชั่น (PCC) กล่าวว่า บริษัทฯคงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 10% จากปีก่อน โดยคาดการณ์แนวโน้มการเติบโตที่ดีในไตรมาส 4/67 โดยบริษัทมีการพัฒนาเทคโนโลยีสมาร์ทกริดและโซลูชั่นส์พลังงานอัจฉริยะที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งสมาร์ทกริดเป็นระบบการจัดการพลังงานไฟฟ้าที่ช่วยให้การจ่ายพลังงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รองรับการใช้งานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน ซึ่งเป็นเทรนด์สำคัญในด้านพลังงานที่หลายประเทศกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมกันนี้ บริษัทยังเข้าร่วมประมูลโครงการอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมที่ทำจากไผ่ (Bamboo-based Innovative Products) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นในการส่งเสริม การพัฒนาที่ยั่งยืน และการใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยไม้ไผ่สามารถนำมาใช้ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางธุรกิจในการสร้างนวัตกรรมที่ใช้วัสดุธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ เพื่อส่งเสริมความยั่งยืน ซึ่งถือเป็นหนึ่งในแนวทางหลักของบริษัทในการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ในอนาคต และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในระยะยาวได้อย่างยั่งยืน

สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 67 ของกลุ่มบริษัทฯ มีรายได้รวมเท่ากับ 4,307.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 955.11 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.49 เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 3,352.84 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนโครงสร้างรายได้ แบ่งเป็น รายได้จากการขาย ร้อยละ 48.6 และรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้าง ร้อยละ 51.2 ของรายได้รวม

กลุ่มบริษัทฯมีรายได้จากการขาย 2,093.70 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137.83 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1,955.87 ล้านบาท เนื่องจากการขายสินค้าให้กลุ่มลูกค้าภาครัฐและเอกชนที่เป็นผู้รับเหมาหลักของงานสถานีไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยหลักมาจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ ดังนี้ 1.รายได้ขายกลุ่มสินค้าหม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง ได้แก่ หม้อแปลงไฟฟ้าระบบจำหน่าย 2.รายได้ขายกลุ่มสินค้าสวิตช์ตัดตอนชนิดต่างๆ ได้แก่ โหลดเบรคสวิตซ์ 3.รายได้ขายระบบควบคุมและป้องกันสำหรับสถานีไฟฟ้า และ 4.รายได้ขายอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ มิเตอร์ และ อุปกรณ์รีเลย์ป้องกัน

ขณะที่มีรายได้จากการให้บริการและโครงการก่อสร้างมีรายได้ 2,206.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 832.92 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 60.6 เทียบช่วงปีก่อนมีรายได้เท่ากับ 1,373.81 ล้านบาท ปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโต ดังนี้ 1.งานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแรงสูง จากงานโครงการสถานีไฟฟ้าแรงสูง 500/230 kV แม่เมาะและลำพูน 2.งานระบบควบคุมสำหรับระบบโครงข่ายไฟฟ้าอัจฉริยะ 3.งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ระบบควบคุมอุปกรณ์ในระบบจำหน่าย จากงานโครงการติดตั้งขยายของงาน FDI (Feeder Device Interface) 4 ภาค ซึ่งเป็นสัญญาต่อเนื่องของงานโครงการ SCADA ที่จบโครงการไปแล้ว และ 4. งานบริการจัดหาและติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าแรงสูง จากการงานติดตั้งอุปกรณ์ โหลดเบรคสวิตช์

งวด 9 เดือนปี 67 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 282.11 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.5 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.67 เทียบจากช่วงปีก่อนที่ 259.61 ล้านบาท สาเหตุหลักที่กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นเนื่องมาจากการควบคุมต้นทุน และ ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ย. 67)

Tags: , , ,