TCCtech ชูจุดแข็ง AI และ IoT เพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะอย่างยั่งยืน

ในยุคที่เทคโนโลยีกำลังเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในเมือง TCC TECHNOLOGY GROUP ผ่านแพลตฟอร์ม OPEN-TEC นำเสนอแนวทางการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ที่ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) และอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความยั่งยืน พร้อมกับยกตัวอย่างเมืองชั้นนำของโลกอย่างโคเปนเฮเกนได้ตั้งเป้าที่จะเป็นเมืองปลอดคาร์บอนภายในปี 2025 ด้วยการใช้พลังงานลมและระบบทำความร้อนจากศูนย์กลาง ในขณะที่สิงคโปร์ได้ประกาศแผนสีเขียว 2030 มุ่งเน้นการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและการจัดการน้ำอย่างยั่งยืน สำหรับประเทศไทย โครงการ One Bangkok ได้รับการรับรองมาตรฐาน LEED-ND Platinum จากการนำระบบการจัดการพลังงานอัจฉริยะและการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพมาใช้

AI และ IoT มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ โดย AI ช่วยวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำในด้านการจัดการพลังงานและสิ่งแวดล้อม ส่วน IoT ช่วยในการเก็บข้อมูลจากเซ็นเซอร์ต่างๆ เช่น คุณภาพอากาศและการใช้พลังงาน ตัวอย่างที่น่าสนใจคือถังขยะอัจฉริยะในกรุงโซลที่สามารถแจ้งเตือนเมื่อขยะเต็ม ช่วยลดการเดินทางที่ไม่จำเป็นและลดมลพิษ

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาเมืองอัจฉริยะยังมีความท้าทายหลายประการ ทั้งด้านมาตรฐานการดำเนินงานและการผสมผสานเทคโนโลยีใหม่เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานเดิม ความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และองค์กรวิชาชีพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาบุคลากรและมาตรฐานที่จำเป็น

แม้จะมีความท้าทาย แต่เมืองอัจฉริยะก็เปิดโอกาสมากมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ โดยมีเมืองอย่างกรุงเทพ สิงคโปร์ โคเปนเฮเกน และโซลเป็นต้นแบบให้กับเมืองอื่นๆ ในการพัฒนาสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน ซึ่ง TCC TECHNOLOGY GROUP พร้อมที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยผ่านการนำเสนอโซลูชันและเทคโนโลยีที่ทันสมัย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.พ. 68)

Tags: , ,