นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์ปอเรชั่น (SUPER) เปิดเผยกับ “อินโฟเควทส์” ว่า บริษัทคาดผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้จะเติบโตได้ดีหลังจากในเดือน ต.ค.นี้ บริษัทจะเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 221 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตติดตั้งรวม 400 เมกะวัตต์ ประกอบกับ ในไตรมาส 3/64 จะรับรู้รายได้จากการขายไฟฟ้าโดยตรงให้กับภาคเอกชน (Private PPA) ราว 4-5 แห่ง กำลังการผลิตรวม 25 เมกะวัตต์ เข้ามาเพิ่มเติมด้วย
ในปีนี้บริษัทยังสามารถรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 3 โครงการใหม่ ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิตรวม 550 เมกะวัตต์ เข้ามาเต็มที่ตลอดทั้งปี หลังจากเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปลายปี 63 ดังนั้น บริษัทจึงคาดจะส่งผลทำให้รายได้รวมปี 64 เติบโตแตะ 10,000 ล้านบาทได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ จากปีก่อนที่มีรายได้ 6,768.34 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่ภาครัฐจะเปิดประมูลราวกำลังการผลิต 400 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างติดตามประเด็นดังกล่าวว่าจะมีรายละเอียดออกมาอย่างไร ซึ่งเบื้องต้นบริษัทคาดว่าภาครัฐน่าจะสามารถเปิดประมูลได้ในครึ่งปีหลัง โดยวางเป้าหมายจะยื่นประมูลอย่างน้อย 100 เมกะวัตต์
“เรามีความพร้อมที่จะเข้าไปประมูลโรงไฟฟ้าขยะชุมชนของภาครัฐที่คาดจะเปิดให้ประมูลได้ในครึ่งปีหลังนี้ โดยเบื้องต้นรูปแบบการเข้าประมูลของเราจะมี 2 แบบ คือ เราจะเข้าไปประมูลเอง และบางส่วนจะจับมือกับทางพาสเนอร์เข้าประมูล โดยวางเป้าหมายชิงส่วนแบ่งเมกะวัตต์ไว้ที่ 100 เมกะวัตต์ ในพื้นที่จังหวัดปริมณฑล จากปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่รองรับไว้แล้ว ทั้งในจ.สมุทรปราการ, ปทุมธานี และสมุทรสาคร” นายจอมทรัพย์ กล่าว
ปัจจุบัน SUPER มีโรงไฟฟ้าขยะที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 2 โครงการ และอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างเพิ่มเติมอีก สะท้อนให้เห็นว่าบริษัทฯ มีความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยี ความรู้ และเงินทุน
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างเตรียมการก่อสร้างโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm กำลังการผลิตติดตั้ง 49 เมกะวัตต์ โดยมีสัญญาซื้อขายไฟ 16 เมกะวัตต์ และสามารถจ่ายไฟฟ้าได้ 24 ชั่วโมง ซึ่งเป็นการผลิตไฟฟ้าผสมผสานเชื้อเพลิงระหว่างโซลาร์ฟาร์ม 49 เมกะวัตต์ ไบโอแก๊ส 1 เมกะวัตต์ และระบบกักเก็บพลังงาน (ESS) 136 เมกะวัตต์/ชั่วโมง วงเงินลงทุน 2,000 ล้านบาท
โครงการดังกล่าวตั้งอยู่ในใจ.สระแก้ว โดยมีกำหนดเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี 64 และคาดจะสามารถเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงกลางปี 65 ซึ่งภายหลังจาก COD จะส่งผลให้บริษัทสามารถขายไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ได้ 24 ชั่วโมง 7 วัน และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนรายได้รวมในปี 65 เติบโตเป็น 13,000 ล้านบาทได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ก.ค. 64)
Tags: SUPER, จอมทรัพย์ โลจายะ, หุ้นไทย, โรงไฟฟ้า