เมื่อเวลา 10.15 น.หุ้น STA ราคาพุ่งขึ้น 5.93% มาอยู่ที่ 31.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 283.66 ล้านบาท
ขณะที่หุ้น STGT พุ่ง 7.55% มาอยู่ที่ 28.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท มูลค่าซื้อขาย 324.23 ล้านบาท
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 3.23 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 35.9% QoQ แต่สูงขึ้น 55% YoY โดยรายได้รวม 2.85 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.4% QoQ แต่สูงขึ้น 72.7% YoY
โดยรายได้จากยางธรรมชาติอยู่ที่ 1.76 หมื่นล้านบาท ปรับตัวสูงขึ้น 5.3% QoQ และ 103% YoY ส่วนรายได้จากการขายถุงมือยางอยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท ปรับตัวลดลง 16.8% QoQ แต่สูงขึ้น 33.6% YoY
ทั้งนี้ ยังคงคาดยอดขายยางธรรมชาติ 3 แสนตันต่อไตรมาสเป็นอย่างต่ำ ส่งผลให้คาดว่าทั้งปี 64 จะอยู่ที่ 1.37 ล้านตัน และคาดว่ากลุ่มยางธรรมชาติจะมี Gross Margin ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง และ STA สามารถเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของกลุ่มยางธรรมชาติขึ้นเป็น 33% จาก 27% ในช่วงเดียวกันกับปีก่อน และอัตราการผลิตอยู่ที่ 69% เพิ่มขึ้นจาก 51% ทั้
ทั้งนี้ สถานการณ์ขาดแคลนยางธรรมชาติในประเทศอินโดนีเซีย ส่งผลให้มี Demand ย้ายมาที่ประเทศไทยแทน จึงยังมีมุมมองเชิงบวกต่อธุรกิจยางธรรมชาติในช่วงไตรมาส 4/64
อย่างไรก็ดี อยู่ระหว่างปรับประมาณการ เนื่องจากราคาขายถุงมือยางมีการแข่งขันที่สูงขึ้น ส่งผลให้ ASP ปรับลดลง แต่กลุ่มยางธรรมชาติยังคงมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง และ STA ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลที่ 1.25 บาท/หุ้น XD วันที่ 19 พ.ย.64
ด้าน บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ”ขาย”หุ้น บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) (STGT) ราคาเป้าหมาย 27.50 บาท หลังจาก STGT รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/64 ที่ 4,533 ล้านบาท (+3% YoY, -38% QoQ) หากไม่รวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน -267 ล้านบาท จะส่งผลให้มีกำไรปกติไตรมาส 3/64 ที่ 4,799 ล้านบาท (+9% YoY, -35% QoQ) อ่อนตัวตามตลาดคาด
โดยรายได้รวมปรับตัวลดลง QoQ อยู่ที่ 10,864 ล้านบาท (+33% YoY, – 16% QoQ) เป็นผลจากราคาขายถุงมือยางเฉลี่ย (ASP) ลดลง -33% QoQ อยู่ที่ 1.53 บาทต่อชิ้น (Q2/64 = 2.27 บาทต่อชิ้น) และ Gross profit margin ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 51.5% (Q2/64 = 66.7%, 3Q20 = 60.1%) แม้ว่าทิศทางราคาต้นทุนวัตถุดิบน้ำยางธรรมชาติจะลดลงราว -20% QoQ แต่ก็ไม่อาจชดเชยผลกระทบของราคาขายที่ปรับตัวลดลงได้ เพราะมีผลของขนาดที่ใหญ่กว่า ทั้งนี้ ยังคงกำไรสุทธิปี 64 ที่ 2.69 หมื่นล้าน (+87% YoY)
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/64 คาดยังคงหดตัว QoQ จาก ASP จะยังคงปรับตัวลดลง QoQ ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/64 อีกราว -15% QoQ ขณะที่กำไรปี 65 ที่ 1.11 หมื่นล้านบาท (-58% YoY) ยังคงมี downside หากราคาขายเฉลี่ยต่ำกว่าสมมติฐาน ASP ที่ 1.20 บาทต่อชิ้น ราคาหุ้น underperform SET -70% ใน 12 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาขายถุงมือยางในตลาดโลกยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง ตามกำลังการผลิตของถุงมือยางโลกที่จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 30-35% ในปี 65 และการพัฒนายาต้านไวรัสโควิดเป็นปัจจัยกดดันสำคัญต่อราคาขายถุงมือยาง ส่งผลให้ EPS ปี 65 ปรับตัวลดลง -58% ทั้งนี้ประเมินว่า valuation ของ STGT จะยังคงเทรดที่ discount ไปจนกว่าจะเห็นราคาขายถุงมือยางกลับเข้าสู่ดุลยภาพ ปัจจุบัน STGT เทรดที่ 2565 PER ที่ 7x (-1.5SD below 1-year average PER)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 พ.ย. 64)
Tags: STA, STGT, ถุงมือยาง, ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี, หุ้นไทย