นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปี 65 ไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ 2.9 หมื่นล้านบาท (เฉพาะยอดขายในประเทศไทย) จากปีก่อนที่ทำยอดขายได้ 2.4 หมื่นล้านบาท พร้อมวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 34 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 31 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4 หมื่นล้านบาท และวางงบซื้อที่ดินในปี 65 ไว้ที่ 8 พันล้านบาท
ในปีนี้บริษัทตั้งมั่นก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่อยู่อาศัยทุกโครงการให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นดังที่ตั้งมั่นมาตลอด 33 ปี โดยมีเป้าหมายหลักคือการสร้างความพึงพอใจในระดับสูงให้กับลูกค้า ปรับปรุงและสร้างนวัตกรรมการทำงาน พร้อมพัฒนาศักยภาพของพนักงานทุกระดับในองค์กรผ่านการอบรมหลักสูตรต่างๆทั้งภายในและนอกองค์กร รวมทั้งกำหนดเป้าหมายการดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อมโดยกำหนดให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในปี 65
ขณะที่การเปิดโครงการใหม่ในปี 65 จะมีการเปิดตัวแบรนด์บ้านใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า โดยทะยอยเปิดตัวตั้งแต่ปลายปี 64 แล้วถึง 4 แบรนด์ ซึ่งเริ่มโครงการแรกของปี 65 กับแบบบ้านเดี่ยวใหม่ล่าสุด 3 แบบ 3 สไตล์ ระดับลักซ์ชูรี่ ปักหมุดทำเลแรกบนถนนบรมราชชนนี “ศุภาลัย เอเลแกนซ์ บรมราชชนนี121” โดยหวังเป็นทางเลือกแรกของบ้านเดี่ยว 3 ชั้น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนในทำเลดังกล่าว
ท่ามกลางวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอดทั้งปี 64 ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ซื้อที่อยู่อาศัย และทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง บริษัทได้ใช้ช่วงเวลานั้นพัฒนา ปรับปรุงสินค้าและบริการโดยยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ผสานการทำงานที่รวดเร็วแบบ Agile สร้างองค์กรยุคใหม่ที่เพิ่มประสิทธิภาพและคุณภาพในการทำงานมากขึ้น โดยยึดความต้องการของลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการพัฒนาสินค้าและบริการ
อีกทั้งสานต่อระบบ Online Booking ให้รองรับทั้งการขายแนวราบและอาคารสูง เพื่อรองรับวิถีชีวิตยุคดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ รวมทั้งการสร้างนวัตกรรมที่อยู่อาศัยเพื่อสอดคล้องกับวิถีชีวิต New Normal เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ทำให้บริษัทก้าวผ่านสถานการณ์ต่างๆอย่างมั่นคง ส่งผลให้ผลงานในปีที่ผ่านมาเติบโตอย่างน่าพึงพอใจ โดยเฉพาะตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร SPALI เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 64 จะขยายตัวเล็กน้อยจากปี 63 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ยังคงทวีความรุนแรง ผู้ประกอบการชะลอการเปิดโครงการใหม่ แต่ศุภาลัยก็ยังมีความเชื่อมั่นว่าการฟื้นตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 65 จะเป็นไปในทิศทางบวก ด้วยอุปทานจากกลุ่มผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง โดยเฉพาะสินค้าบ้านเดี่ยวที่มียอดขายทรงตัวแม้จะอยู่ในช่วงวิกฤต ขณะที่ปัจจัยด้านเศรษฐกิจของไทยยังคงส่งผลต่อการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัย
ขณะที่ในปี 65 คาดการณ์ว่าการเติบโตจะดีขึ้นตามการกลับมาเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และการกลับมาดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง แต่เนื่องจากกิจการท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังคงหายไป ส่งผลให้ภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อไม่สามารถกลับมาสู่ภาวะปกติได้ในระยะสั้น ทำให้การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ด้วยความมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม ที่อยู่อาศัย ภายใต้สินค้าที่หลากหลายครอบคลุมทุกกลุ่มความต้องการ แบ่งเป็น สินค้าที่อยู่อาศัยโครงการแนวราบและคอนโดมิเนียม รีสอร์ทหรูมาตรฐานระดับสากล และเดินหน้ารุกตลาดภูมิภาค ขยายการลงทุนในต่างประเทศ และขยายการเช่าเพิ่มขึ้น
ในส่วนของการขยายการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศออสเตรเลีย บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรออสเตรเลียในการเซ็นสัญญาพัฒนาโครงการในประเทศออสเตรเลียเพิ่มอีก 2 โครงการ ซึ่งจะมีความชัดเจนในเร็วๆนี้ ส่งผลให้บริษัทจะโครงการที่ร่วมทุนกับพันธมิตรในประเทศออสเตรเลียเพิ่มเป็น 13 โครงการ จากสิ้นปีก่อนที่มี 11 โครงการ โดยที่สิ้นปี 64 บริษัทสามารถทำยอดขายจากโครงการในประเทศออสเตรเลียได้ 7 พันล้านบาท
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ม.ค. 65)
Tags: SPALI, ที่อยู่อาศัย, ประทีป ตั้งมติธรรม, ศุภาลัย, หุ้นไทย, อสังหาริมทรัพย์, ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม