นายวิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซนต์เมด (SMD) เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า บริษัทอยู่ระหว่างการติดตามความชัดเจนกรณีที่ภาครัฐจะให้ประชาชนใช้ชุดตรวจคัดกรองโควิด-19 ด้วยตนเองแบบเร่งด่วน (Rapid Test) โดยเฉพาะประเด็นว่ากลุ่มใดจะสามารถใช้อุปกรณ์ดังกล่าวได้ และจะจำหน่ายชุดตรวจโควิด-19 ผ่านช่างทางใดได้บ้าง หากมีความชัดเจนออกมาบริษัทก็สามารถเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ทันที โดยคาดว่าตลาดดังกล่าวจะเติบโตตามความต้องการที่จะมีอยู่อย่างต่อเนื่องในช่วง 1 ปีข้างหน้า
“สถานการณ์ในปีนี้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 รุนแรงมาตั้งแต่เดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการใช้สินค้าของบริษัทเพิ่มขึ้นจำนวนมาก และในช่วงที่เหลืองานโครงการต่างๆออกมาอีกเราก็จะเข้าประมูลเพื่อจำหน่ายเครื่องมือแพทย์เข้าไป ในขณะเดียวกันหากภาครัฐมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาเกี่ยวกับการจำหน่าย Rapid Test เราก็สามารถจำหน่ายสินค้าได้ทันทีและจะเป็นส่วนช่วยหนุนอีกแรงหนึ่งของบริษัท”
นายวิโรจน์ กล่าว
นายวิโรจน์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจว่าทิศทางรายได้ทั้งปี 64 จะสามารถเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 50% หรือมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 990 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 661.19 ล้านบาท โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทจะเข้าประมูลงานเครื่องมือทางการแพทย์ต่างๆ เพื่อช่วยหนุนผลประกอบการของบริษัทด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2/64 เพราะความต้องผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีผู้ป่วยหนักเพิ่มขึ้น ทำให้จำเป็นต้องเครื่องมืออุปกรณ์ช่วยการหายใจและการช่วยชีวิตอื่นๆ มากขึ้น
ขณะเดียวกันจะเริ่มมีการผลักดันการใช้งบประมาณภาครัฐออกมาเพิ่มเติมซึ่งส่วนหนึ่งจะนำมาพัฒนาและเพิ่มศักยภาพทางด้านสารธารณสุข บริษัทจึงมีโอกาสที่จะได้รับงานใหม่ๆมาเพิ่มขึ้น
บริษัทจะสามารถรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/64 จากงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่มีอยู่ราว 300 ล้านบาท ไม่ต่ำกว่า 95% ของมูลค่างานทั้งหมด ในขณะเดียวกันบริษัทได้ดำเนินนโยบายการบริการจัดการต้นทุนที่ดี ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ค. 64)
Tags: Rapid Test, SMD, ชุดตรวจโควิด, วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์, หุ้นไทย, เซนต์เมด