นายจักรพงส์ สุเมธโชติเมธา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.สากล เอนเนอยี (SKE) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ากำไรสุทธิปี 66 เติบโต 10% จากปีก่อนที่ทำได้ 2.29 ล้านบาท หลังจากเดือน มี.ค.66 สามารถทำกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนทั้งปีไปแล้ว เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับปรุงเครื่องจักรของโรงไฟฟ้า และวางรูปแบบการจัดหาวัตถุดิบและคัดกรองวัตถุดิบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมเดินหน้าใหม่อีกครั้ง
ขณะที่คาดรายได้ปี 66 จะเติบโตแตะ 1,000 ล้านบาท จากปี 65 มีรายได้รวมอยู่ที่ 497.42 ล้านบาท ตามการรับรู้รายได้จากโรงงานผลิตเชื้อเพลิงขยะ RDF จังหวัดสระบุรี ซึ่งมีกำลังการผลิตเชื้อเพลิงขยะ RDF กว่า 300,000 ตันต่อปี โดยจะเริ่มดำเนินการส่งเชื้อเพลิงให้กับบริษัท เอส ซี ไอ อีโค่ เซอร์วิสเซส จำกัด (SCIeco) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยในกลุ่ม บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) ตามสัญญาระยะยาว 3 ปี ปริมาณการส่งมอบกว่า 135,000 ตันต่อปี หรือคิดเป็นราว 400 ตันต่อวัน มูลค่าตามสัญญารวมกว่า 1,300 ล้านบาท ให้ได้ภายในเดือนมี.ค.นี้ ซึ่งจะสนับสนุนรายได้ให้ SKE เพิ่มเข้ามาราว 400 ล้านบาทต่อปี
สำหรับกำลังผลิตส่วนที่เหลือได้ทำแผนส่งมอบเชื้อเพลิงขยะ RDF ให้กับลูกค้ากลุ่มโรงปูนซีเมนต์และโรงไฟฟ้าขยะแล้ว ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสังคมและสิ่งแวดล้อมในการนำขยะที่บริหารจัดการอย่างไม่ถูกวิธี ซึ่งก่อให้เกิดปัญหาทางสิ่งแวดล้อมมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงขยะ RDF สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์เพื่อทดแทนการใช้พลังงานถ่านหิน และนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพื่อสร้างความร้อนให้กับโรงไฟฟ้าขยะ
ส่วนธุรกิจบริหารจัดการบ่อขยะ คาดจะรับรู้รายได้เข้ามาเต็มปี ซึ่งจะมีรายได้ราว 100 ล้านบาท และธุรกิจอัดบรรจุก๊าซ NGV ปัจจุบันยังเหลือสัญญาอีก 4 ปี โดยสามารถบรรจุก๊าซได้ตามสัญญา อย่างไรก็ตาม สัดส่วนรายได้ของ NGV ปัจจุบันอยู่ที่ 20% ของนรายได้รวม
ธุรกิจโรงไฟฟ้าชีวมวล ปีนี้ถือเป็นปีที่ 4 ของการจ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบ (COD) คาดว่าจะมีผลประกอบการที่ดีขึ้น จากการจัดการเชื้องเพลิงขาเข้า ปรับปรุงการดำเนินงาน หรือซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า
นายจักรพงส์ กล่าวว่า ในปี 66 บริษัทได้กำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ “ร่วมสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้นด้วยพลังงานสะอาด” โดยยังคงมุ่นมั่นที่จะสร้างการเติบโตของธุรกิจ พร้อมตระหนักถึงความสำคัญของสังคมและสิ่งแวดล้อมอยู่เสมอเพื่อการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ มีนโยบายในการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจพลังงานสะอาด พลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกบนกระแสการทำธุรกิจ Green Economy ที่ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญ โดยจะเน้นกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจแบบครอบคลุมในการขยายในแนวดิ่ง Vertical Integration โดยโฟกัสกับการลงทุนของ N15 Technology ซึ่งเป็นการขยายธุรกิจครอบคลุมธุรกิจบริหารจัดการขยะตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำที่มีความเกี่ยวข้องกันในห่วงโซ่อุปทาน โดยจัดสรรงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท
นายจักรพงส์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองโอกาสในการขายคาร์บอนเครดิต เพื่อสร้างการเติบโตของรายได้ในอนาคต โดยตั้งเป้ามีคาร์บอนเครดิตที่ 1 แสนตันในทุกธุรกิจ จากปัจจุบันธุรกิจโรงไฟ้ามีคาร์บอนเครดิตที่ได้รับการรับรองแล้ว 33,000 ตัน และคาดหวังว่าธุรกิจที่ดำเนินการอยู่จะสามารถรวบรวมคาร์บอนเครดิตได้โดยประมาณ 1 แสนตัน
ด้านบริษัท แวนต้า แคปปิตอล จำกัด (VANTA) ธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูปสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่ง SKE ถือหุ้น 30.04% คาดว่าในเดือนมิ.ย.-ก.ค.66 จะกลับมาให้บริการได้อีกครั้ง หลังจากปีที่ผ่านมาวอลุ่มเทรดลดลงและการแข่งขันสูงขึ้น ทำให้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ VANTA ต้องหยุดให้บริการ เนื่องจากแนวโน้มต้นทุนสูงขึ้นเพื่อพัฒนาโปรแกรมให้มีความเร็วมากขึ้น รองรับกับสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป และการซื้อขายในผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ คาดว่าธุรกิจนี้จะเริ่มสร้างรายได้ให้กับกลุ่ม SKE อย่างมีนัยสำคัญได้ภายใน 3-5 ปีจากนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 มี.ค. 66)
Tags: SKE, จักรพงส์ สุเมธโชติเมธา, สากล เอนเนอยี, หุ้นไทย, แวนต้า แคปปิตอล