นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับ บมจ. สุพรีม ดิสทิบิวชั่น เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี หมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “SPREME” ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2567
SPREME ดำเนินธุรกิจให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมายาวนานกว่า 30 ปี โดยออกแบบ จัดหา ติดตั้ง และจัดจำหน่ายอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบเครือข่ายอย่างครบวงจร (System Integrator) ทั้ง Hardware Software ระบบเครือข่าย เช่น LAN, WAN, WLAN ระบบ Cyber Security ระบบศูนย์ควบคุมข้อมูล (Data Center) เป็นต้น พร้อมทั้งให้บริการดูแลบำรุงรักษา ซ่อมแซม และให้เช่าระบบคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วง มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าภาครัฐ โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับภาคการศึกษา ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญและเป็นตัวแทนหลักในการจำหน่าย Software ทางการศึกษาจาก Microsoft
ด้วยความสัมพันธ์อันดีกับผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงระดับสากลทำให้บริษัทสามารถจัดหาผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง และได้รับการถ่ายทอดความรู้เพื่อนำมาพัฒนาการให้บริการที่ทันต่อเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่เสมอ จึงได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 บริษัทมีงานที่ยังไม่ได้ส่งมอบ (Backlog) มูลค่าประมาณ 442 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป
SPREME มีทุนชำระแล้ว 370 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.5 บาท โดยเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชน เป็นครั้งแรก (IPO) จำนวนรวม 200 ล้านหุ้น ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิมของ PSN Capital Limited (บริษัทในกลุ่มครอบครัวขันธโมลีกุล) 20 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 180 ล้านหุ้น โดยเสนอขายให้แก่บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และผู้ลงทุนสถาบัน 160 ล้านหุ้น ผู้มีอุปการคุณของบริษัท 30 ล้านหุ้น และกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท 10 ล้านหุ้น ระหว่างวันที่ 23 – 25 เมษายน 2567 ราคาหุ้นละ 2.60 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 468 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 1,924 ล้านบาท โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญ
นายภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SPREME เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะสนับสนุนให้บริษัทเติบโตตามกลยุทธ์ที่วางไว้ ทั้งในเชิงธุรกิจ และการขับเคลื่อนทางด้านเทคโนโลยีภาคการศึกษาของประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างมูลค่าเพิ่มในระยะยาว เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสารสนเทศของประเทศไทย โดยจะนำเงินจากการระดมทุนใช้เป็นเงินทุนรองรับการประมูลโครงการขนาดใหญ่ ลงทุนซื้อกิจการเพื่อต่อยอดธุรกิจ และเป็นเงินทุนหมุนเวียน
SPREME มีผู้ถือหุ้น 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ 1) กลุ่มครอบครัวขันธโมลีกุล (บุคคลและนิติบุคคล) ถือหุ้น 67.57% 2) กลุ่มพี่น้องนาย ภานุวัฒน์และน.ส. ศุภรณ์ ถือหุ้น 6.15% และ 3) นาย สรวล สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ถือหุ้น 0.61%
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากมูลค่าเชิงเปรียบเทียบกับมูลค่าของบริษัทเทียบเคียงที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สามารถอ้างอิงได้ (Market Comparable) ซึ่งคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio : P/E) เท่ากับ 12.29 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully Diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น (Earnings Per Share) เท่ากับ 0.21 บาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการของบริษัทฯ ภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและการจัดสรรทุนสำรองตามกฎหมาย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 67)
Tags: SET, SPREME, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ภานุวัฒน์ ขันธโมลีกุล, หุ้นไทย, แมนพงศ์ เสนาณรงค์