SELIC ย้ายจาก mai เข้า SET หวังดึงดูดสถาบันถือหุ้นเพิ่มโอกาสเติบโตอย่างยั่งยืน

บมจ.ซีลิค คอร์พ (SELIC) ย้ายกระดานซื้อขายจากตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) สู่กระดานตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันนี้วันแรก มีเป้าหมายเพื่อการยกระดับองค์กรเข้าสู่แหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ และเพิ่มโอกาสในการขยายธุรกิจให้เติบโตแบบยั่งยืน พร้อมเปิดโอกาสให้กลุ่มนักลงทุนสถาบันชั้นนำทั้งในและต่างประเทศเข้ามาลงทุนกับบริษัทฯ มากยิ่งขึ้น

นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ รองประธานกรรมการ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SELIC กล่าวว่า บริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่จะย้ายเข้า SET คือ ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 300 ล้านบาทขึ้นไป, ส่วนผู้ถือหุ้นมากกว่า 300 ล้านบาทขึ้นไป, กำไรสุทธิ 2 ปี หรือ 3 ปี ล่าสุดก่อนยื่นคำขอรวมกันมากกว่า 50 ล้านบาท โดยปีล่าสุดมีกำไรสุทธิมากกว่า 30 ล้านบาท และมีกำไรสะสม , ราคาพาร์ไม่ต่ำกว่า 0.50 บาท และ จำนวนผู้ถือหุ้นรายย่อย 1,000 รายขึ้นไป

ภาพรวมธุรกิจภายในปี 67 คาดบริษัทสามารถเติบโต 10-15% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรอบ 9 เดือนของปี 67 ทำรายได้รวม 1,591.01 ล้านบาท เติบโต 14.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว จากการรวมธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพเข้ามาในสัดส่วนที่มีนัยสำคัญ และมีกำไรขั้นต้น 467.68 ล้านบาท เติบโต 25.6% และอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 29.6% จากอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่อยู่ในระดับสูง รวมถึงการพัฒนาขึ้นจากกำไรขั้นต้น ของธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว

ด้านผลประกอบการไตรมาส 3/67 บริษัทฯ มีรายได้รวม 523.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.1% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 8.3% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

นายณรงค์ กล่าวว่า ก้าวต่อไปของ SELIC จะเน้นเดินหน้าธุรกิจด้วยการให้ความสำคัญกับ 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัว และธุรกิจผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จากการมีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลาย ครอบคลุมทั้งแบบ B2B และ B2C รวมถึงสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศที่พอเหมาะ ทำให้บริษัทฯ สามารถดำเนินธุรกิจภายใต้ภาวะที่ท้าทายได้เป็นอย่างดี สะท้อนได้จากการเติบโตของรายได้ในทุกกลุ่มธุรกิจหลัก นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้มองหาโอกาสใหม่ๆ ในการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโต หวังเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการขายและบริการทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 67)

Tags: , , , ,