SCBAM ส่งกองลงทุนตราสารหนี้คุณภาพ 1 ปี IPO 8-17 พ.ค.รับช่วงดอกเบี้ยปรับตัว

นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า ภาพรวมการลงทุนในตราสารหนี้ปีนี้ มีแนวโน้มให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา จากเศรษฐกิจโลกที่ยังเติบโตในระดับต่ำ รวมถึงการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ตั้งแต่มีนาคม 2565 ถึงปัจจุบัน มีอัตราดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ (Fed fund rate) อยู่ที่ 5.00-5.25% จึงทำให้ระดับราคาของตราสารหนี้ปัจจุบันมีความน่าสนใจต่อการเข้าลงทุน

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ เริ่มส่งสัญญาณชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ทำให้ความร้อนแรงของภาวะเงินเฟ้อเริ่มลดลง แต่จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนี้ไปอีกระยะหนึ่ง และรอประเมินสถานการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ รวมถึงเสถียรภาพของระบบการเงินอีกครั้ง ทั้งนี้ หากเทียบส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ กับประเทศอื่นๆ ในปัจจุบันก็นับว่ายังอยู่ในระดับสูงมาก อาจส่งผลให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายไปลงทุนในสกุลเงินที่ได้อัตราดอกเบี้ยสูงกว่า ซึ่งจะหนุนให้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นโดยเปรียบเทียบกับสกุลเงินอื่น อย่างไรก็ตาม ตลาดทุนอาจยังมีปัจจัยลบอื่นที่เข้ามาส่งผลกระทบให้เกิดความผันผวนได้

บริษัทฯ จึงยังแนะนำให้กระจายความเสี่ยงการลงทุนกับสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำอย่างกลุ่มตราสารหนี้คุณภาพ จึงได้ออกแผนเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Short Term Bond 1YA (SCBSTB1YA) โดยมีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น ที่มีคุณภาพและมีความน่าเชื่อถือสูง เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจจากการปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในช่วงก่อนหน้านี้ โดยกองทุนมีการป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ความผันผวนของค่าเงินจากสกุลเงินเยนกลับสู่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกองทุนจะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ สู่เงินบาท (USD/THB) โดยเริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 8 – 17 พฤษภาคม 2566 ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 500 บาท กองทุนมีระยะเวลาการลงทุน 1 ปี

นางนันท์มนัสกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่นระยะสั้นอายุ 1 ปี และป้องกันความเสี่ยงค่าเงินเยนกลับสู่ดอลลาร์สหรัฐฯ ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 5.10 ต่อปี ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ (ที่มา Bloomberg; ณ วันที่ 30 เมษายน 2566) น่าสนใจกว่าการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น อายุ 1 ปี โดยตรงที่ให้ผลตอบแทนประมาณร้อยละ 4.50 ต่อปี (ที่มา Bloomberg; ณ วันที่ 30 เมษายน 2566) ช่วงที่ผ่านมาธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ -0.1 และคงนโยบาย Yield Curve Control ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจยังต้องรับมือผลกระทบจากเงินเฟ้อพื้นฐานที่ปรับสูงขึ้น ซึ่งคาดว่า BOJ อาจมีแนวโน้มการทบทวนนโยบายการเงินในภาพรวมครั้งใหม่ ที่อาจปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเพื่อพยายามควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงอาจปรับเปลี่ยนเป้าหมายหรือเลิกใช้ Yield Curve Control ในระยะถัดไป โดยแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อผลตอบแทนของกองทุน

กองทุนมีอายุโครงการ 1 ปี และผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุกองทุนได้ กองทุนไม่มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินบาท กองทุนจึงมีความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน โดยผลตอบแทนในสกุลเงินบาทที่ผู้ลงทุนจะได้รับเมื่อครบอายุโครงการ ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐกับสกุลเงินบาทในช่วงเวลานั้น ซึ่งผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกาไรจากอัตราแลกเปลี่ยน/หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ค. 66)

Tags: , , , ,