SCBAM จับจังหวะลงทุนรับเศรษฐกิจประเทศใหญ่ฟื้นจัดแคมเปญ 5 กองสร้างโอกาสทำกำไร

นางสาวศุภรัตน์ อารีย์วงศ์ Executive Director กลุ่มกลยุทธ์การตลาดและผลิตภัณฑ์การลงทุน บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจหลายประเทศเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว จากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจ รวมถึงผลประกอบการของหลายบริษัทกลุ่มอุตสาหกรรมในไตรมาส 1 ที่เป็นไปในทิศทางเชิงบวก ตามแรงหนุนจากการเปิดประเทศของจีนที่เป็นปัจจัยหลักและส่งผลให้ภาคการผลิต-ภาคบริการ-การส่งออกมีการเติบโต รวมถึงแนวโน้มการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณใกล้ถึงจุดสูงสุด ประกอบกับปัจจัยลบที่เข้ามากดดันเศรษฐกิจในช่วงก่อนหน้าได้สะท้อนต่อตลาดทุนไปค่อนข้างมากแล้ว

SCBAM จึงมองเป็นโอกาสเข้าสะสมหุ้นคุณภาพในช่วงที่ตลาดหุ้นยังอยู่ในโหมดพักฐาน เพื่อรอรับจังหวะการฟื้นตัว และหาโอกาสสร้างผลตอบแทนให้กับพอร์ตลงทุนได้ในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับกลุ่มประเทศชั้นนำทางเศรษฐกิจหลักที่มีขนาดใหญ่ มีปัจจัยพื้นฐานแกร่ง และมีศักยภาพการฟื้นตัวได้ดี เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย SCBAM จึงจัดแคมเปญพิเศษให้กับผู้ลงทุนที่สนใจเข้าสะสมลงทุนในกลุ่มประเทศนี้ ผ่าน 5 กองทุนแนะนำ ด้วยแคมเปญพิเศษ “ยกเว้นค่าธรรมเนียมการซื้อและสับเปลี่ยนเข้า” เมื่อลงทุนผ่านแอปพลิเคชัน SCBAM Fund Click ตั้งแต่วันที่ 1 – 31 พฤษภาคม 2566

สำหรับ 5 กองทุนแนะนำ เป็นกองทุนที่มีการบริหารแบบเชิงรุก (Active) เพื่อหาโอกาสสร้างผลตอบแทนที่โดดเด่นเหนือตลาดแบบไม่อิงกับดัชนี อันดับแรกคือ สหรัฐอเมริกา มีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยูเอส แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCBUSAA) ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทขนาดใหญ่ที่มั่นคง และบริษัทกำลังขยายตัวซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds – US Growth Fund ซึ่งกองทุนหลักจะวิเคราะห์หุ้นคุณภาพจากปัจจัยพื้นฐานเชิงลึกของหุ้นแบบรายตัว

อันดับสองคือ กลุ่มประเทศยุโรป มีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นยุโรป แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCBEUROPE(A)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นคุณภาพของยุโรป ทุกตลาด และทุกกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพเติบโตสูง และมีระดับราคาที่น่าสนใจ โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Morgan Stanley Investment Funds – Europe Opportunity Fund (กองทุนหลักได้รับ 4 ดาว มอร์นิ่งสตาร์ ประเภท EAA Fund Europe Flex-Cap Equity, ณ 31 มี.ค. 2566)

อันดับสามคือ จีน มีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นจีนเอแชร์ แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCBASHARES(A)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นจีน A-Shares ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มบริษัทที่มีฐานธุรกิจพื้นฐานดี มีศักยภาพเติบโตระยะยาว และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Shenzhen (SSE) และ Shanghai Stock Exchanges (SSZE) โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund China A ซึ่งกองทุนหลักจะเลือกหุ้น Best idea ด้วยวิธี Bottom-up approach (กองทุนหลักได้รับ 5 ดาว มอร์นิ่งสตาร์ ประเภท EAA Fund China Equity – A Shares, ณ 31 มี.ค. 2566)

อันดับสี่คือ ญี่ปุ่น มีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นญี่ปุ่น แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCBJAPAN(A)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นชั้นนำของบริษัทจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น หรือบริษัทมีรายได้จากประเทศญี่ปุ่น โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก Goldman Sachs Japan Equity Partners Portfolio ซึ่งกองทุนหลักจะเลือกลงทุนในหุ้นประมาณ 25-40 บริษัท ที่อยู่ในช่วงปรับรูปแบบธุรกิจให้ตามเทรนด์สมัยใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตระยะยาว (กองทุนหลักได้รับ 4 ดาว มอร์นิ่งสตาร์ ประเภท EAA Fund Japan Large-Cap Equity, ณ 31 มี.ค. 2566)

และอันดับสุดท้าย คือ อินเดีย มีกองทุนที่แนะนำคือ กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย แอคทีฟ (ชนิดสะสมมูลค่า) (SCBINDEQ(A)) ที่เน้นลงทุนในหุ้นบริษัทที่มีศักยภาพเติบโตระยะยาว และจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ Bombay Stock Exchange และ National Stock Exchange โดยลงทุนผ่านกองทุนหลัก UTI India Dynamic Equity Fund ซึ่งกองทุนจะเลือกลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพด้านการทำกำไร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ค. 66)

Tags: , , , ,