ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) มองว่า ในปี 2567การเดินทางไปต่างประเทศของชาวจีนโดยภาพรวมมีสัญญาณฟื้นตัวที่ดี โดยไทยยังเป็นจุดหมายปลายทางหลักของการท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีน และนักท่องเที่ยวจีนเองก็กลับมาครองตำแหน่งนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยสูงสุดเช่นเดียวกัน
แต่แนวโน้มการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยยังเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงในหลายด้าน ทั้งจากฝั่งจีนในด้านเศรษฐกิจ ด้านอสังหาริมทรัพย์และด้านภูมิรัฐศาสตร์ และจากการแข่งขันจากประเทศอื่น ๆ โดยเฉพาะ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเวียดนาม
SCB EIC คาดว่า นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้นตัวต่อเนื่องอย่างน้อย 7 ล้านคนในปี 67 โดยกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเองจะฟื้นตัวได้เร็วกว่ากลุ่มกรุ๊ปทัวร์ โดยสาเหตุที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนฟื้นตัวค่อนข้างช้า ส่วนหนึ่งมาจากการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปของกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ซึ่งที่ผ่านมานักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าไทยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่เดินทางด้วยตัวเอง (FIT) ถึง 86% ขณะที่กลุ่มกรุ๊ปทัวร์กลับอยู่ที่เพียง 14% จากสัดส่วนที่เคยอยู่ที่ 60% ต่อ 40% ในปี 62 โดยปริมาณนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT คาดว่าจะกลับมาใกล้เคียงกับปี 62 ได้ในปี 68
ขณะที่ปริมาณกลุ่มกรุ๊ปทัวร์จะเป็นกลุ่มที่ยังต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ซึ่งคาดว่านักท่องเที่ยวกลุ่มนี้จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง แต่จะกลับมาใกล้เคียงปี 62 ได้หลังปี 68 โดยปัจจุบันกลุ่มกรุ๊ปทัวร์นิยมเลือกทัวร์ที่สามารถปรับแผนเที่ยวตามความสนใจได้ (Tailor-made) ซึ่งเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีรายได้ค่อนข้างดี และจะเป็นตัวช่วยเร่งการฟื้นตัวของกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ ขณะที่การฟื้นตัวของกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ขนาดใหญ่รูปแบบเดิม จะยังคงค่อย ๆ ทยอยฟื้นตัว
ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาไทยในช่วงต้นปี 67 ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 25-44 ปีจากเมืองเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง กว่างโจว และเฉิงตูเป็นหลัก โดยแผนการเที่ยวที่นิยม คือ กรุงเทพ + 1 จังหวัด เช่น พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ แล้วใช้เวลาเที่ยวไทยเฉลี่ยราว 7-8 วันใกล้เคียงกับในช่วงปี 62 แต่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในด้านที่พัก และเน้นท่องเที่ยวเพื่อซื้อประสบการณ์มากขึ้นจากกิจกรรมเพื่อความบันเทิงและชิมอาหารแทนการช้อปปิ้ง
*จับตา 6 เทรนด์ท่องเที่ยวของชาวจีน
SCB EIC วิเคราะห์ 6 เทรนด์ตลาดท่องเที่ยวที่ชาวจีนให้ความสนใจ และจะเป็นโอกาสแก่ภาคการท่องเที่ยวไทย คือ
1. นักท่องเที่ยวสายคอนเทนต์เข้าถึงความเป็น Local (Content tourism)
2. นักท่องเที่ยวสายเที่ยวตามแรงบันดาลใจ (Set-jetting tourism) และสายกิจกรรม (Event tourism)
3. นักท่องเที่ยวสายชิม (Gastronomy tourism)
4. นักท่องเที่ยวสายรักสุขภาพ (Medical and Wellness tourism)
5. นักท่องเที่ยวสายชอบการเรียนรู้ (Summer camp)
6. นักท่องเที่ยวสายมูเตลู (Mutelu tourism)
ทั้งนี้ ภาคการท่องเที่ยวไทย จะต้องเร่งพัฒนาสินค้า หรือบริการให้โดดเด่น และตรงความต้องการของนักท่องเที่ยวจีนในแต่ละสาย ควบคู่ไปกับการโปรโมตผ่านสื่อโซเชียลของจีน เพื่อให้เข้าถึงชาวจีนในวงกว้าง
*ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับท่องเที่ยวควรเร่งปรับตัว รองรับนักท่องเที่ยวจีน
ขณะที่การปรับตัวของธุรกิจภาคการท่องเที่ยวเพียงบางส่วน และความคาดหวังที่นักท่องเที่ยวจีนรูปแบบเดิมจะกลับมา อาจจะทำให้เสียโอกาสในตลาดใหม่ ๆ พร้อมทั้งเปิดทางให้ผู้เล่นรายใหม่ ที่เสนอบริการที่ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ได้มากกว่าเข้ามาในตลาด
ดังนั้น ทุกธุรกิจใน Value chain ของการรับนักท่องเที่ยวชาวจีนมาไทย จึงจำเป็นต้องปรับตัวตั้งแต่โรงแรม สายการบิน บริษัททัวร์ในไทย ไปจนถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว เช่น
– ธุรกิจโรงแรมควรนำเสนอบริการที่มากกว่าการเข้าพักธรรมดาและแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่น
– สายการบินสัญชาติไทยเน้นขยายเที่ยวบิน พร้อมทั้งเสนอบริการพรีเมียมรองรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT และทัวร์ Tailor-made
– สถานที่ท่องเที่ยวอาจเสนอประสบการณ์พิเศษ เพื่อดึงให้นักท่องเที่ยวกลับมาเที่ยวซ้ำ
– บริษัททัวร์ในไทยต้องปรับตัวจากทัวร์รูปแบบเดิมเป็นทัวร์ที่หลากหลาย และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะมากขึ้น
– บริษัทรถทัวร์หรือรถเช่าต้องเพิ่มบริการเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่ม FIT และทัวร์กรุ๊ปเล็ก
– ร้านอาหารต้องเตรียมรองรับระบบการชำระเงินของจีน และจับกลุ่มลูกค้า Food delivery ชาวจีนมากขึ้น
– ร้านค้าควรพัฒนาสินค้าสร้างสรรค์ที่ใส่ความเป็นไทย และเพิ่มความคุ้มค่า
*นักท่องเที่ยวจีนกลับมา สร้างความท้าทายให้ธุรกิจและภาครัฐ
SCB EIC มองว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ยังสร้างความท้าทายต่อภาคธุรกิจ และภาครัฐของไทยในหลายด้าน ดังนี้
1. การเข้ามาของธุรกิจท่องเที่ยวจีนเบียดธุรกิจรายย่อยไทย จากกลุ่มนายทุนจีนที่เริ่มเข้ามาลงทุนในไทยแทนการใช้บริษัททัวร์ไทย ทั้งในรูปแบบของการร่วมทุนกับบริษัททัวร์ไทย และการตั้งบริษัททัวร์ในไทยเอง
2. การแข่งขันเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ด้วยเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญของหลายประเทศ ซึ่งภาครัฐและภาคธุรกิจต้องร่วมมือกันโปรโมตการท่องเที่ยวไทยในทุกช่องทาง เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยเป็นกระแสในจีนอย่างต่อเนื่อง
3. ความอ่อนไหวต่อข่าวเชิงลบของชาวจีนมีผลต่อภาพลักษณ์ของไทย ซึ่งการตั้งคณะทำงานกลางที่ประกอบด้วยภาครัฐหลายภาคส่วน เพื่อรองรับและแก้ไขไวรัลบนโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นระบบ จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยได้เป็นอย่างดี
4. การยกระดับโครงสร้างพื้นฐานจะสามารถกระจายนักท่องเที่ยวสู่เมืองรองได้ ทั้งด้านการคมนาคมขนส่งที่เชื่อมต่อเมืองหลักไปเมืองรอง และการเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจท่องเที่ยวในท้องถิ่น ควบคู่ไปกับการโปรโมตการท่องเที่ยวเมืองรองแก่นักท่องเที่ยวจีนผ่านแพลตฟอร์ม OTAs ของจีน
5. การกำหนดราคามาตรฐาน การดูแลไม่ให้เกิดการเอารัดเอาเปรียบ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ซึ่งจะสร้างความสบายใจ ความปลอดภัย และคลายความกังวลแก่นักท่องเที่ยวในการเดินทางมาไทย อีกทั้งยังสามารถสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่การท่องเที่ยวไทยได้อีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ก.ค. 67)
Tags: นักท่องเที่ยวจีน, ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์