SCB EIC มองความไม่แน่นอนทางการเมืองเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตา

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) ระบุว่า ความไม่แน่นอนทางการเมืองยังเป็นความเสี่ยงในประเทศที่ต้องติดตาม แม้ความน่าจะเป็นที่ฝ่ายเสรีนิยมจะได้จัดตั้งรัฐบาลเพิ่มขึ้นมากหลังทราบผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ในกรณีฐาน SCB EIC มองการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะไม่กระทบทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย โดยคาดว่า จะเห็นผลกระทบด้านลบในไตรมาสที่ 4 จากความล่าช้าในการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 อยู่บ้าง แต่คาดว่าจะกลับมาเร่งเบิกจ่ายได้ตั้งแต่ต้นปี 67 พร้อมการผลักดันนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลใหม่ที่จะเริ่มมีผลบวกสู่เศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยจะยังได้รับแรงสนับสนุนสำคัญจากภาคการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีในช่วงที่เหลือของปี สอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกที่ขยายตัว 2.7% เร่งขึ้นจากไตรมาสก่อน ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤติโควิดได้ในช่วงกลางปีนี้ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเร่งตัวตามการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน ขณะที่นักท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงเล็กน้อยเนื่องจากเข้าสู่ช่วง Low season นอกจากนี้การลงทุนและภาคการผลิตมีแนวโน้มปรับดีขึ้นในไตรมาส 2/66

SCB EIC ยังคงมุมมองมูลค่าการส่งออกสินค้าปีนี้เติบโตที่ 1.2% ท่ามกลางความเสี่ยงด้านต่ำจากเศรษฐกิจโลกที่สูงขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกในไตรมาส 2/66 จะยังหดตัวจากปัจจัยฐาน แต่จะเริ่มขยายตัวตามอุปสงค์จีนที่ปรับดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี ส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดมีแนวโน้มเกินดุลในปีนี้จากทั้งดุลการค้าและดุลบริการ

เงินเฟ้อทั่วไปคาดว่าจะขยายตัวลดลงอย่างชัดเจนในเดือนพ.ค. 66 จากราคาพลังงานที่มีแนวโน้มชะลอตัวและผลจากปัจจัยฐาน แต่ยังมีความเสี่ยงด้านสูงในระยะต่อไปจากการทยอยส่งผ่านต้นทุนมายังราคาผู้บริโภคและผลจากปัจจัยฐานที่ลดลง สำหรับเงินเฟ้อพื้นฐานมีแนวโน้มขยายตัวลดลงเช่นกัน อย่างไรก็ดี เงินเฟ้อไทยยังมีความเสี่ยงด้านสูงจากการส่งผ่านต้นทุนและแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

SCB EIC คาดนโยบายการเงินไทยจะทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องสู่ Terminal rate ที่ 2.5% ในไตรมาส 3/66 ตามแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ขยายตัวต่อเนื่องและแรงกดดันเงินเฟ้อที่ยังมี เงินบาทกลับมาแข็งค่าเร็วในเดือนที่ผ่านมาจากตัวเลขเศรษฐกิจไทยที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ การจัดการเลือกตั้งที่เป็นไปอย่างราบรื่น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่า

สำหรับแนวโน้มค่าเงินบาทในปีนี้คาดว่าจะกลับมาแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะปรับดีขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐที่คาดว่าจะกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่อง ในช่วงไตรมาส 2 นี้ คาดว่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20-34.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และกลับมาแข็งค่าอยู่ที่ 32-33 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 พ.ค. 66)

Tags: , , ,