ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารมีมติให้ บริษัท เอสซีบี เท็นเอกซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยและบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคาร ตกลงร่วมมือกับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (ซีพีจี) ในการจัดตั้งกองทุน Venture Capital ขนาด 600-800 ล้านเหรียญสหรัฐโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีทางการเงินในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยีบล็อกเชน Decentralized Finance ตลอดจนเทคโนโลยีที่เกิดใหม่อื่นๆโดยนอกเหนือจากการบริหารกองทุนร่วมกันแล้ว กลุ่มธนาคารและกลุ่มซีพีจีจะร่วมลงทุนในกองทุนนี้ร่วมกับผู้ลงทุนที่ไม่ใช่ผู้ลงทุนรายย่อย (accredited investor)
SCB เปิดเผยว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ถือเป็นการดึงจุดแข็งของทั้งสองฝ่าย เพื่อร่วมบริหารจัดการกองทุน Venture Capital โดยเครือเจริญโภคภัณฑ์เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยมีธุรกิจหลากหลายและมีเครือขายทั่วโลก นอกจากนี้ยังมี Ecosystem ที่ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม ได้แก่ ธุรกิจอาหาร ธุรกิจค้าปลีก เกษตรกรรม ธุรกิจด้านสุขภาพ ซึ่งช่วยให้บริษัทที่ไปลงทุนนั้น สามารถเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคได้
ขณะที่ กลุ่ม SCB เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยการมี Ecosystem ในภาคการเงินที่ทันสมัยและสามารถต่อยอดไปยังภาคธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยมี SCB 10X บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เข้าร่วมบริหารจัดการกองทุนดังกล่าว เนื่องจากมีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในบริษัทเทคโนโลยี และมีเครือข่ายนักลงทุน Venture Capital ทั่วโลก รวมถึงการเป็นผู้นำในด้าน Blockchain และสินทรัพย์ดิจิทัลในภูมิภาค
เครือเจริญโภคภัณฑ์และกลุ่ม SCB จะร่วมกันจัดตั้งบริษัทเพื่อบริหารจัดการกองทุน โดยต่างถือหุ้นร้อยละ 50 นอกจากนี้ ยังร่วมลงทุนในกองทุน Venture Capital ขนาด 600 – 800 ล้านหรียญสหรัฐฯ นี้ เป็นจำนวนเงินฝ่ายละ 100 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนที่เหลือจะระดมทุนจาก Accredited Investor โดยมุ่งเน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีที่มีศักยภาพตั้งแต่ระยะเริ่มต้นจนถึงเติบโตทั่วโลก (Early to Growth Stage)
นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการ บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเทคโนโลยีบล็อกเชนจะเข้ามาเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจในหลายๆ อุตสาหกรรม ได้แก่ ภาคการเงินการธนาคาร ภาคเกษตรกรรม ด้วยความสามารถของเทคโนโลยีนี้ที่เข้ามาช่วยในการติดตามและเพิ่มความโปร่งใสของกระบวนการต่างๆ ซึ่งเราเชื่อว่าขณะนี้เรายังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของเทคโนโลยีนี้ และเชื่อว่ายังมีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก”
นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม SCB กล่าวว่า “ทุกวันนี้เราเห็นการเติบโตของเทคโนโลยีบล็อกเชนได้ชัดเจนในภาคการเงิน การนำบล็อกเชนเข้ามาประยุกต์ใช้กับบริการทางการเงินนั้น จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้การบริการทางการเงินนั้นเข้าถึงได้ง่ายขึ้น และทำให้เกิดนวัตกรรมขึ้น การก่อตั้งกองทุน Venture Capital ร่วมกับเครือเจริญโภคภัณฑ์ในครั้งนี้ จะทำให้เราสามารถสร้างความแตกต่างและคุณค่าให้กับเหล่านักลงทุนและ Startup ได้อย่างดี ทั้งยังเป็นการสร้างธุรกิจใหม่ให้กับกลุ่มธนาคาร ผ่านขีดความสามารถในด้านการลงทุน และเป็นโอกาสในการต่อยอดธุรกิจหลักของธนาคารผ่านนวัตกรรมทางการเงินที่สำคัญ”
นอกจากนั้น SCB ยังแจ้งว่าเมื่อวันที่ 22 ก.ย.64 ธนาคารได้จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่กับบริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (MGC Group) ซึ่งเป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกยานยนต์ชั้นนำในประเทศไทย ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ภายใต้ชื่อ บริษัท อัลฟ่า เอกซ์ จำกัด (Alpha X Co., Ltd.) ทุนจดทะเบียนจัดตั้งขั้นต้น 1,000,000 บาท และมีแผนจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 300,000,000 บาทภายใน 1 ปีนับจากวันที่จัดตั้งบริษัทฯ
Alpha X มีวัตถุประสงค์หลักในการประกอบธุรกิจให้เช่าซื้อ ลีสซิ่ง และให้สินเชื่อรีไฟแนนซ์สำหรับรถยนต์ รถจักรยานยนต์(Big Bike) และยานพาหนะทางน้ำ (Yacht และ River Boat)
ทั้งนี้ บริษัทเป็นบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารนอกกลุ่ม Solo Consolidation ซึ่งธนาคารถือหุ้นในสัดส่วน 50% และ MGC Group ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัทฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.ย. 64)
Tags: SCB, ธนาคารไทยพาณิชย์, ลิสซิ่ง, เครือเจริญโภคภัณฑ์, เอสซีบี เท็นเอกซ์