SAFE ปิดเทรดวันแรกที่ 17.80 บาท ลดลง 3.20 บาท (-15.24%) มูลค่าซื้อขาย 866.23 ล้านบาท จากราคา IPO 21.00 บาท โดยราคาเปิดที่ 16.00 บาท ราคาสูงสุด 18.60 บาท ราคาต่ำสุด 15.80 บาท
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บมจ.เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป (SAFE) ให้บริการด้านการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ตั้งแต่ให้คำแนะนำและคำปรึกษาตลอดจนติดตามผลการปฏิบัติการโดยผู้ดูแลลูกค้าส่วนบุคคล (personal assistant) ที่มุ่งเน้นการให้บริการรักษาผู้มีบุตรยากด้วยอัตราความสำเร็จที่เป็นเลิศและความปลอดภัยของคนไข้เป็นสำคัญ โดยใช้เทคโนโลยีที่นำสมัย มีมาตรฐานและความปลอดภัย ซึ่งบริษัทได้รับการรับรองมาตรฐานคลินิกเด็กหลอดแก้วแห่งแรกในประเทศไทยจาก Reproductive Technology Accreditation Committee (RTAC) ประเทศออสเตรเลีย โดยมีบริษัทย่อย จำนวน 2 บริษัท ได้แก่ บริษัทเน็ก เจนเนอร์เรชั่น จีโนมิค จำกัด (NGG) เป็นผู้ให้บริการตรวจพันธุกรรมของตัวอ่อน และบริษัทเซฟ เวลเนสจำกัด (SWC) เป็นผู้ให้บริการให้บริการด้านผิวหนังและความงาม
บล.ทิสโก้ เห็นว่า ธุรกิจสถานพยาบาลให้บริการสำหรับผู้มีปัญหามีบุตรยากมีการแข่งขันสูงขึ้นด้วยจำนวนสถานพยาบาลที่ค่อนข้างเยอะ ทั้งคลินิกที่ให้บริการด้านนี้โดยเฉพาะและโรงพยาบาลที่เปิดศูนย์รักษาผู้มีบุตรยาก ซึ่งผู้ป่วยจะเลือกใช้บริการจากคุณภาพมาตรฐานในการให้บริการและอัตราความสำเร็จในการรักษา ขณะที่บริษัทมีจุดเด่นจากผู้เล่นรายอื่นจากการใช้เทคโนโลยีในการรักษาที่ทันสมัยมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ โดยมีอัตราความสำเร็จของวิธี ICSI อยู่ที่ร้อยละ 45-74 รวมทั้งมีบุคลากรที่พร้อมให้บริการอย่างมืออาชีพ
นอกจากนี้บริษัทจับกลุ่มลูกค้าในระดับพรีเมียมและลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติในปี 65 คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35 ของจำนวนรอบในการเก็บไข่ รวมทั้งมีสาขาตั้งอยู่ในจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญในประเทศ ได้แก่ กทม. ชลบุรี ขอนแก่น และภูเก็ต เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินทางมาใช้บริการได้สะดวก โดยบริษัทมีการให้บริการที่หลากหลาย เช่น การตรวจ NIPT และ PGT ซึ่งเป็นการตรวจโครโมโซมและคัดกรองพันธุกรรมตัวอ่อนในห้องปฏิบัติการ มีกลุ่มลูกค้าเป็นคลินิกรักษาผู้มีบุตรยากทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นการระดมทุนในครั้งนี้จึงมีความเหมาะสม
จำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายในครั้งนี้มาจาก 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 23,947,800 หุ้น และอีกส่วนหุ้นเดิมของบริษัท Piccadilly Peak Limited จำนวน 52,800,800 หุ้น ซึ่งผู้ถือหุ้นลำดับที่ 2 เป็นผู้ถือหุ้นทางอ้อม
ระยะสั้น มองว่ารายได้โตขึ้น YoY จากจำนวนรอบของการเก็บไข่ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY ขณะที่รายได้ต่อรอบใน 1H66 เท่ากับปี 65 ที่ 0.53 ล้านบาท รวมทั้งจำนวนครั้งที่ให้บริการทดสอบ NGS และ Qualifi ของบริษัทย่อย NGS มีจำนวนครั้งเพิ่มขึ้น เป็นผลมาจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง นอกจากนี้รายได้จากห้องปฏิบัติการจากเครือข่ายสถานพยาบาลและแพทย์ทั้งในและต่างประเทศก็ขยายตัวขึ้นด้วย และในระยะยาว มองว่ารายได้เติบโตต่อเนื่องจากฐานลูกค้าชาวต่างชาติและฐานลูกค้าชาวไทยที่บริษัทเคยมีการทำการตลาดไปแล้วในช่วงโควิด-19 รวมทั้งเริ่มรับรู้รายได้จากการให้บริการของบริษัทเซฟ เวลเนส จำกัด (SWC) ในช่วง 1H66 เป็นต้นมา
อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นใน 1H23 จากการบริหารต้นทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นสืบเนื่องมาตั้งแต่โควิด-19 ควบคู่ไปกับการทำการตลาด ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (ค่าใช้จ่ายครั้งเดียว) และค่าใช้จ่ายที่ผันแปรตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการส่งเสริมการขาย ระยะสั้นมองว่าอัตรากำไรสุทธิถูกกดดันเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของรายได้ และค่าใช้จ่ายในการขยายสาขา โดยในระยะยาวอัตรากำไรสุทธิจะกลับมาปรับตัวดีขึ้นตามการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการเติบโตของรายได้หลังการขยายธุรกิจเสร็จสิ้น
ปัจจัยที่ต้องติดตาม : การขยายสาขาผ่านการร่วมลงทุนกับโรงพยาบาลพันธมิตร
ความเสี่ยง : 1. การแข่งขันในอุตสาหกรรมที่สูง 2. ขาดแคลนแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความชำนาญการ 3. การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี จากการประเมินมูลค่าเบื้องต้นด้วยวิธี PER เฉลี่ยของผู้ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกันทั้งใน SET และ MAI พบว่า ราคา IPO ค่อนข้างสูง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 พ.ย. 66)
Tags: SAFE, คลินิกมีบุตรยาก, หุ้นไทย, เซฟ เฟอร์ทิลิตี้ กรุ๊ป