นายคีธ กิลล์ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “รอริง คิตตี้ (Roaring Kitty)” ซึ่งเป็นอินฟลูเอนเซอร์หุ้นชื่อดังเปิดเผยว่า เขาได้เข้าซื้อหุ้น 6.6% ในชูวี่ (Chewy) เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (1 ก.ค.) สร้างความตื่นตระหนกให้กับคณะผู้บริหารบริษัทขายสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงของสหรัฐรายนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเข้าซื้อหุ้นชูวี่นับเป็นการลงทุนแรกที่นายกิลล์เปิดเผยต่อสาธารณะนอกเหนือจากเกมสต็อป (GameStop) โดยจุดเชื่อมโยงของทั้งสองบริษัทนี้ก็คือนายไรอัน โคเฮน มหาเศรษฐีพันล้านผู้ก่อตั้งชูวี่ที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งซีอีโอของเกมสต็อป โดยนายกิลล์เคยแสดงความชื่นชมนายโคเฮนผ่านโพสต์ในโซเชียลมีเดียอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้ นายโคเฮนก่อตั้งชูวี่ขึ้นมาแล้วขายกิจการไปเมื่อปี 2560
ย้อนกลับไปในปี 2564 นายกิลล์เคยทำให้ราคาหุ้นเกมสต็อปพุ่งทะยานด้วยการโพสต์ในโซเชียล ทำให้นักลงทุนรายย่อยแห่เข้ามาซื้อหุ้นกันเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่นายกิลล์กลับมาปรากฏตัวบนโลกออนไลน์ในเดือนพ.ค.หลังจากหายไปนานถึง 3 ปี ราคาหุ้นก็ผันผวนอย่างหนักอีกครั้ง
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับชูวี่เปิดเผยว่า การลงทุนของนายกิลล์ทำให้ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทกังวลว่า บรรดาบริษัทจัดการกองทุนที่เป็นผู้ถือหุ้นชูวี่อาจไม่พอใจ เนื่องจากราคาหุ้นจะผันผวนจากกองทัพนักลงทุนรายย่อยของนายกิลล์ โดยผู้บริหารและคณะกรรมการของชูวี่ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับนายกิลล์แต่อย่างใด
ราคาหุ้นชูวี่พุ่งขึ้นไปสูงสุดที่ 30 ดอลลาร์ในวันจันทร์ ก่อนจะร่วงลงมาในช่วงการซื้อขายที่ผันผวน สุดท้ายปิดตลาดติดลบ 4.8% แตะที่ 25.92 ดอลลาร์ มูลค่าการซื้อขายมากกว่า 54 ล้านหุ้น ซึ่งมากกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ย 25 วัน ถึง 3 เท่า
เอกสารที่ยื่นต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐ (SEC) แสดงให้เห็นว่า นายกิลล์ซื้อหุ้นชูวี่จำนวน 9 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 245 ล้านดอลลาร์ ที่ราคาปิดตลาดวันศุกร์ (28 มิ.ย.) ที่ 27.24 ดอลลาร์ ส่งผลให้นายกิลล์กลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 3 ของชูวี่ ตามข้อมูลของ LSEG
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความชัดเจนว่านายกิลล์ได้ขายหุ้นเกมสต็อปบางส่วนที่เขาเคยเปิดเผยเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.ว่าถือครองอยู่ 9 ล้านหุ้น มูลค่าประมาณ 262.1 ล้านดอลลาร์ เพื่อนำเงินมาซื้อหุ้นชูวี่หรือไม่ โดยราคาหุ้นเกมสต็อปร่วงลง 6% ในวันจันทร์ แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 33% เมื่อนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน
แม้ว่าที่ผ่านมา นายกิลล์มักจะเปิดเผยการถือครองหุ้นผ่านโพสต์บนโซเชียล แต่กรณีของชูวี่ นายกิลล์ถูกกำหนดให้ต้องยื่นเอกสารต่อ SEC เนื่องจากการลงทุนครั้งนี้มีมูลค่าเกินกว่า 5% ของหุ้นทั้งหมดของบริษัท
เอกสารที่ยื่นต่อ SEC ระบุว่า นายกิลล์ซื้อหุ้นชูวี่เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งเป็นเวลา 3 วันก่อนที่เขาจะโพสต์รูปลูกหมาบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ซึ่งทำให้ราคาหุ้นชูวี่พุ่งขึ้นไปใกล้แตะระดับสูงสุดในรอบปีในช่วงสั้น ๆ รวมถึงส่งผลให้ราคาหุ้นเพ็ทโค (Petco) และแวก (Wag) ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน
ในเอกสารที่ยื่นต่อ SEC เมื่อวันจันทร์ นายกิลล์ยังคงรักษาภาพลักษณ์ความเป็นมีมของตัวเองด้วยการเพิ่มส่วนที่เขียนว่า “ทำเครื่องหมายในช่องที่เหมาะสมเพื่อระบุว่าคุณเป็นแมวหรือไม่” โดยมีการทำเครื่องหมายในช่อง “ฉันไม่ใช่แมว”
ทั้งนี้ นายโคเฮน ผู้ร่วมก่อตั้งชูวี่ เข้ามามีบทบาทในเกมสต็อปในปี 2564 เมื่อเขาเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการบริษัทและได้รับเลือกเป็นประธานบอร์ดในเวลาต่อมา โดยเขาได้วางกลยุทธ์ในการผลักดันให้เกมสต็อปหันมาทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซแทนการเป็นร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม
ในไลฟ์สตรีมบนยูทูบ นายกิลล์เคยแสดงความชื่นชมนายโคเฮนอยู่บ่อยครั้ง โดยในวิดีโอหนึ่งที่เผยแพร่ในเดือนม.ค. 2564 ไม่นานหลังจากที่นายโคเฮนและอดีตเพื่อนร่วมงานสองคนจากชูวี่เข้าร่วมเป็นคณะกรรมการของเกมสต็อป นายกิลล์ถึงกับเอ่ยปากชมว่า “หมอนี่เจ๋งสุด ๆ!” พร้อมกับกล่าวว่า “ผมตื่นเต้นมากที่ไรอัน โคเฮน จะมาเป็นผู้นำ”
แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับชูวี่กล่าวว่า คณะกรรมการบริษัทชูวี่ไม่ได้ติดต่อกับนายโคเฮนแต่อย่างใด
หุ้นชูวี่ ซึ่งเป็นบริษัทผู้ค้าปลีกอาหารสัตว์และยารักษาสัตว์เลี้ยงออนไลน์ เพิ่มขึ้น 15% ในปี 2567 แต่ลดลงในช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากผู้คนใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลดลงหลังจากที่เคยเฟื่องฟูในช่วงโควิด-19
ตามการวิเคราะห์ข้อมูลของเทรดอะเลิร์ท (Trade Alert) โดยรอยเตอร์ ปริมาณการซื้อขายออปชั่นหุ้นชูวี่สูงผิดปกติในช่วง 10 วันที่ผ่านมา โดยมีสัญญามากกว่า 158,000 สัญญาเปลี่ยนมือในแต่ละวัน ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าเกือบ 4 เท่า
คอลออปชั่น (Call option) ซึ่งมักซื้อเพื่อเก็งกำไรในทิศทางขาขึ้น มีการซื้อขายคึกคักเป็นพิเศษ โดยสัญญาที่เดิมพันว่าชูวี่จะปิดเหนือราคา 30 ดอลลาร์ภายในกลางเดือนก.ค. เป็นออปชั่นที่มีการซื้อขายมากที่สุดในช่วง 10 วันที่ผ่านมา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ค. 67)