นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า บมจ.ปตท. (PTT) และ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้ลงนามบันทึกสาระสำคัญของสัญญาร่วมทุนโครงการก่อสร้างคลังจัดเก็บและแปรสภาพก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG Receiving Terminal แห่งที่ 2 หรือ LNG Map Ta Phut Terminal 2 (LMPT2) ตำบลหนองแฟบ จังหวัดระยอง
ก่อนหน้านี้ภาครัฐเล็งเห็นถึงโอกาสในการปรับรูปแบบการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการจัดหาและจัดส่งก๊าซธรรมชาติของประเทศ จึงได้มอบหมายให้สองรัฐวิสาหกิจหลักของประเทศ ได้แก่ PTT และ กฟผ.ร่วมลงทุนในโครงการ LMPT2 ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศ ตามแนวทางการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติในประเทศไทย รองรับการนำเข้า LNG ให้สอดคล้องกับความต้องการใช้ เสริมสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศในระยะยาว และเสริมให้ประเทศไทยก้าวเป็นศูนย์กลางการซื้อขายก๊าซธรรมชาติเหลวในภูมิภาคอาเซียน (LNG Regional Hub) ต่อไป
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ PTT กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้นับว่าเป็นความร่วมมือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ระหว่างสองรัฐวิสาหกิจหลักของประเทศที่มีพันธกิจในการสร้างความมั่นคงทางพลังงาน ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงพลังงาน ที่มอบหมายให้ผนึกกำลังร่วมกันดำเนินโครงการ LNG Receiving Terminal แห่งใหม่ ซึ่งจะช่วยให้การใช้งานโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเกิดประโยชน์สูงสุด
อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมนโยบายและยุทธศาสตร์ของรัฐบาลให้ชัดเจน สนับสนุนการยกระดับความรู้ ความสามารถของบุคลากร ตลอดจนร่วมกันพัฒนานวัตกรรมทางด้านพลังงาน เพื่อเสริมสร้างศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ประเทศ นอกจากนี้ ทั้งสององค์กรได้แสวงหาโอกาสความร่วมมือและการลงทุนร่วมกันในอนาคตอันใกล้ รวมถึงโครงการ LNG Receiving Facilities ภาคใต้ เพื่อรองรับการจัดส่งก๊าซธรรมชาติให้โรงไฟฟ้าสุราษฎร์ธานี ซึ่งถือเป็นการสานต่อความร่วมมือในการปฏิบัติงานที่มีอยู่ในปัจจุบันให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
นายบุญญนิตย์ วงศ์รักมิตร ผู้ว่าการ กฟผ. กล่าวว่า ภายหลังจากที่ กฟผ. และ ปตท. ลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกันในปี 64 ทั้งสองหน่วยงานได้ดำเนินการสอบทานทางธุรกิจ (Due Diligence) ในการประเมินมูลค่าโครงการ ตลอดจนศึกษารายละเอียดต่าง ๆ ในวันนี้ กฟผ. และ ปตท. ได้ข้อตกลงร่วมกันในประเด็นเงื่อนไขสำคัญ และรายละเอียดเบื้องต้นของการร่วมลงทุนในโครงการฯ โดยได้จัดทำข้อตกลงดังกล่าวในลักษณะบันทึกสาระสำคัญของสัญญาร่วมทุน แล้วเสร็จ เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของระบบก๊าซธรรมชาติอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นการเพิ่มผู้ให้บริการในคลังกักเก็บก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) อันจะช่วยส่งเสริมการแข่งขันในธุรกิจเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ และเป็นไปตามแนวทางการเปิดเสรีก๊าซธรรมชาติของประเทศไทย ที่จะส่งผลในการพัฒนาตลาดก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยให้มีศักยภาพและมีความมั่นคงต่อไป
การลงนามบันทึกสาระสำคัญของการร่วมทุนโครงการ LNG Map Ta Phut Terminal 2 (LMPT2) ของ ปตท. และ กฟผ. ในครั้งนี้ เป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับความร่วมมือของทั้งสองหน่วยงานให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และสร้างความเชื่อมั่นความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ รวมทั้งมีการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนไทยมีพลังงานใช้อย่างต่อเนื่อง และมีคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นต่อไป
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.พ. 65)
Tags: LNG, PTT, กฟผ., กระทรวงพลังงาน, ก๊าซธรรมชาติเหลว, พลังงาน, สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์, เซ็นสัญญา