บมจ.เน็คซ์ แคปปิตอล (NCAP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติให้นำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 337.50 ล้านบาท จากเดิม 469 ล้านบาท เป็น 806.50 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 675 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยจะแบ่งจัดสรรจำนวน 450 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่ผูู้ถือหุ้นเดิม ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 2,025 ล้านบาท อัตราส่วนการจัดสรร 2 หุ้นสามัญเดิมต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุน
ส่วนอีกจำนวน 225 ล้านหุ้นจะใช้รองรับการใช้สิทธิใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 1 (NCAP-W1) ที่จะจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวนไม่เกิน 225 ล้านหุ้น ตามสัดส่วนการถือหุ้น (Right Offering) ในอัตราส่วน 2 หุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 วอร์แรนต์ โดย NCAP–W1 มีอายุ 1 ปี 6 เดือน นับจากวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ และราคาใช้สิทธิหุ้นละ 7 บาท
บริษัทกำหนดให้วันที่ 29 เม.ย.65 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นที่ผู้ถือหุ้นแต่ละรายถืออยู่พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยไม่จัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นที่จะทำให้บริษัทมีหน้าที่ตามกฎหมายต่างประเทศ (Record Date)
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติเห็นชอบให้เสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 พิจารณาอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้ของบริษัท ในวงเงินรวมไม่เกินจำนวน 2,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจ และ/หรือ ขยายธุรกิจ และ/หรือ เป็นเงินทุนหมุนเวียนกิจการ และ/หรือเพื่อชำระหนี้เงินกู้ และ/หรือ เพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ
และมีมติอนุมัติให้บริษัทรับความช่วยเหลือทางการเงินจาก บมจ.คอมเซเว่น (COM7) และ บมจ. ซินเน็ค (ประเทศไทย) (SYNEX) วงเงินรวมไม่เกิน 1,000 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี ชำระทุกเดือน เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในการขยายธุรกิจ คาดว่าจะเริ่มเบิกใช้วงเงินในไตรมาส 1/65 โดย COM7 และ SYNEX เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ โดยถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นสัดส่วน 33.93% และ 26.67% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทตามลำดับ
นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร NCAP กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน สนับสนุนแผนการตลาดเชิงรุก ในการขยายพอร์ตสินเชื่อและเพิ่มบริการสินเชื่อจำนำทะเบียนในอนาคตจึงมองว่า การออกหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทฯ ครั้งนี้ ถือว่าเป็นจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ส่วนผลประกอบการประจำปี 64 ภาพรวมธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์เติบโตแข็งแกร่ง แม้ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด NCAP มีกำไรรวม 311 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 54% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า มีรายได้รวม 1,382 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% โดยเหตุผลหลักมาจากการขยายพอร์ตสินเชื่อ และการคัดกรองลูกค้าที่ดีด้วยการใช้เทคโนโลยี AI ทำให้ดอกเบี้ยรับของบริษัทเพิ่มขึ้น 17% และส่งผลให้รายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการ รายได้หนี้สูญรับคืนเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน
อีกทั้ง การมุ่งเน้นบริหารจัดการภายในอย่างรัดกุมและมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการควบคุมคุณภาพสินเชื่อ เพื่อป้องกันปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ถึงแม้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่รุนแรงในปีที่ผ่านมา แต่บริษัทยังคงรักษาระดับความสามารถในการเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ในระดับ 23%
โดย NCAP มีพอร์ตสินเชื่อรวม ณ สิ้นปี 2564 อยู่ที่ 5,492 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนหน้า 44% และมีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศรวม 24 สาขา เป็นสาขาหลักที่ให้บริการครอบคลุมลูกค้า 66 จังหวัด และจะเพิ่มพื้นที่ให้บริการจากสาขาหลักให้ครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีเป็นหัวใจขับเคลื่อนการทำงานในยุคดิจิทัล เพื่อผลักดันการเติบโตในปีนี้ได้อย่างแข็งแกร่ง รับกับสถานการณ์โควิดที่มีทิศทางผ่อนคลายเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้ง มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐบาลและเอกชน สนับสนุนให้ภาพรวมการบริโภคในประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น จึงมองว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ที่มีความต้องการจากลูกค้าในการใช้อำนวยความสะดวกในการเดินทาง และการประกอบอาชีพ อีกทั้ง การเดินหน้าต่อยอดผลิตภัณฑ์ด้านการเงินใหม่ๆ และสินเชื่อจำนำทะเบียน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนปีนี้ตามแผน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ก.พ. 65)
Tags: NCAP, หุ้นกู้, หุ้นสามัญ, หุ้นไทย, เน็คซ์ แคปปิตอล