นายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.มิลล์คอน สตีล (MILL) เปิดเผยว่า บริษัทรายได้ปี 65 จะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ 2 หมื่นล้านบาท จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้านการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ประกอบกับราคาเหล็กสำเร็จรูปปรับตัวสูงขึ้นราว 23% ในขณะความต้องการบริโภคเหล็กภายในประเทศเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ซึ่งมีความต้องการใช้งานประมาณ 19 ล้านตัน/ปี
ทั้งนี้จากแผนยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มมิลล์คอนฯที่ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ทำให้บริษัทมีแนวคิดที่จะหาพันธมิตรเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งเพื่อเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำกลุ่มอุตสาหกรรม โดยเฉพาะในส่วนของการสร้างมูลค่าเพิ่มขยะอุตสาหกรรม
นายประวิทย์ กล่าวว่า ในปี 64 กลุ่มมิลล์คอนฯ รีไซเคิลเศษเหล็กจากซากรถยนต์มากกว่า 2.8 แสนตัน โดยซากรถยนต์ 1 คันประกอบด้วยเหล็กประมาณ 70% ซึ่งสามารถนำกลับมาหลอมใช้งานใหม่ได้ และอีก 30% ชิ้นส่วนต่างๆ ประกอบด้วย สายไฟ พลาสติก ฟองน้ำ เบาะ พรม จัดเป็นขยะอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจ ขยะที่เหลือจากการรีไซเคิลสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าชีวะมวลได้
“ที่ผ่านมา MILL ในฐานะผู้ผลิตเหล็ก ทุกขั้นตอนการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำเราให้ความสำคัญด้านผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ผลักดันให้เกิดระบบการกำจัดของเสียอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management) ของเสียจากขั้นตอนการบดย่อยเศษเหล็กจะถูกคัดแยกนำไปใช้เป็นพลังงานเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า มีการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดการปล่อย CO2 อีกทั้งตระกรัน (Slag) จากการหลอมเหล็กสามารถนำมาใช้ผสมคอนกรีตในการทำถนนตามหลัก Zero Waste ได้ นอกจากนี้ยังศึกษาและพัฒนารถบรรทุกพลังงานไฟฟ้ามาใช้ในการดำเนินกิจการเพื่อลดมลภาวะ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะผลักดันให้กลุ่มธุรกิจเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ของกลุ่มอุตสาหกรรมได้”
นายประวิทย์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)
Tags: MILL, ประวิทย์ หอรุ่งเรือง, มิลล์คอน สตีล, หุ้นไทย