งานสัมมนายุทธศาสตร์เพื่ออนาคตวารสารศาสตร์ ครั้งที่ 19 หัวข้อ “วารสารศาสตร์ยุคเปลี่ยนผ่าน หรือ Journalism Transition”จัดโดยสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยร่วมกับกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ และคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้เชิญผู้บริหารสื่อชั้นนำของไทยมาร่วมแบ่งปันความคิดเห็นและประสบการณ์ในหัวข้อ “รูปแบบและโอกาสใหม่ของธุรกิจข่าว The Changing Journalism Business Model”
ส่องย่างก้าวของ THE STANDARD
“คุณเต๋า” ณัฏฐา โกมลวาทิน ผู้อำนวยการฝ่ายข่าว จาก THE STANDARD องค์กรสื่อออนไลน์ 100% สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตขององค์กรภายในช่วงระยะเวลา 9 ปีที่ผ่านมาของน้องใหม่ในวงการสื่อไทยที่เริ่มต้นจากแพลตฟอร์มออนไลน์จนกลายเป็นสื่อที่มีอิทธิพลในปัจจุบัน โดยมีกลยุทธ์สำคัญคือการให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์มากกว่าเรตติ้ง และการนำเสนอคอนเทนต์ที่ผสมผสานระหว่างความรู้และความบันเทิง โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายชนชั้นกลาง หรือกลุ่ม Premium Mass
การนำเสนอคอนเทนต์ของ THE STANDARD นอกจากข่าวสารประจำวันแล้ว ยังมีการผลิตรายการทั้งแบบรายวันและรายสัปดาห์ ซึ่งนอกจากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่ม Audience แล้ว ในแง่ของการตลาดนั้น ยังเป็นการสร้างดีมานด์และตลาด Audience ใหม่ได้ด้วย
สำหรับ Winning Strategies ของ THE STANDARD นั้น คุณณัฏฐาได้เน้นย้ำถึงการสร้างแบรนด์ดิ้งขององค์กรให้แข็งแรง ผลิตสื่อที่น่าเชื่อถือและสร้างสรรค์ สร้างคอมมิวนิตี้และพาร์ทเนอร์ชิป ทั้งกับ Audience และองค์กรอื่นๆ เพื่อขยายแวดวงและยังเป็นแหล่งที่มาในการหาข้อมูลเชิงลึกในการผลิตคอนเทนต์อีกด้วย ซึ่งกำลังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทาง THE STANDARD กำลังดำเนินการขับเคลื่อนด้วยการจัด Forum อย่างล่าสุด คือ THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2024 หรือการมีจดหมาย Newsletter ประจำสัปดาห์
เจ้าของเรือลำเล็กที่พร้อมฝ่าคลื่นลมอย่าง The Story Thailand
”คุณเล็ก” อศินา พรวศิน บรรณาธิการบริหาร The Story Thailand ซึ่งกำลังจะเข้าสู่ปีที่ 5 นั้น ได้เล่าถึงเรื่องราวความเป็นมาของเว็บไซต์ The Story Thailand ว่า เธอตั้งเป้าให้เว็บไซต์นี้เป็นเว็บไซต์ที่จัดทำเนื้อหาโดยผู้สื่อข่าว และโฟกัสเนื้อหาเกี่ยวกับการสัมภาษณ์โดยเน้นไปที่เรื่องธุรกิจ ไอที ซึ่งเป็นความถนัดและประสบการณ์ที่คุณเล็กมีมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่ทำข่าวอยู่ที่ฐานเศรษฐกิจและบรรณาธิการข่าวไอทีที่ The Nation ด้วยเหตุนี้ เว็บไซต์ The Story Thailand จึงเป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอคอนเทนต์ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ นอกจากเว็บไซต์แล้ว The Story Thailand ยังได้นำเสนอคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดียด้วยเช่นกัน
บรรณาธิการบริหาร The Story Thailand ได้เล่าต่อมาถึงวิธีการอยู่รอดของ”เรือแจว”ที่เธอเปรียบเทียบว่า หลังจากที่ออกจากเรือใหญ่แล้ว เธอได้ตัดสินใจที่จะทำเว็บไซต์ซึ่งเธอเปรียบเทียบว่าเป็นเรือแจวด้วยตนเองกับทีมงานโดยใช้ประสบการณ์และความเชี่ยวชาญที่เก็บเกี่ยวมาเป็นเวลากว่า 20 ปีมาปลุกปั้นเรือแจวที่เธอมุ่งมั่นว่า จะพาเรือลำนี้ออกแล่นสู่มหาสมุทร
สำหรับแนวทางที่คุณเล็กตั้งใจที่จะทำให้เรือลำนี้แล่นฝ่าคลื่นลมให้ได้นั้น เธอเริ่มต้นตั้งแต่การทำคอนเทนต์ทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์อย่างการตีพิมพ์หนังสือ The Story ชีวิต วิสัยทัศน์ และแรงบันดาลใจที่ตอนนี้มาถึง EP 4 แล้ว และ On ground ด้วยการจัดอีเวนท์ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จด้วยดีจากการที่เธอมีเครือข่ายที่รู้จักมาตั้งแต่สมัยที่ทำข่าว
โดยสื่อออนไลน์ที่เธอทำนั้นก็จะมีรายได้จากการโฆษณา แบนเนอร์ โปรเจ็กต์พิเศษ รวมทั้งการเป็นสปอนเซอร์จากธุรกิจภายนอก ขณะที่การตลาด คุณเล็กจะใช้วิธีลงแรงด้วยการเป็นมีเดียพาร์ทเนอร์กับงานต่าง ๆ ตลอดจนการเป็นคอนเทนต์พาร์ทเนอร์ และสร้างคอมมิวนิตี้หรือฐานแฟนคลับของ The Story Thailand ขึ้นมา
อย่างไรก็ดี สื่อในยุคดิจิทัลต่างก็ต้องเผชิญกับความท้าทายในด้านต่าง ๆ คุณเล็กกล่าวถึงความท้าทายส่วนหนึ่งของเธอว่า การที่ธุรกิจต่าง ๆ ทำคอนเทนต์ขึ้นมาเอง และเผยแพร่คอนเทนต์เหล่านี้บนช่องทางสื่อของตนเองถือเป็นความท้าทายสำหรับการทำคอนเทนต์ของเธอ เพราะเธอเองก็ต้องการที่จะทำคอนเทนต์ในรูปแบบดังกล่าวเช่นกัน
บรรณาธิการบริหารของ The Story Thailand จึงได้ทำคอนเทนต์ในรูปแบบที่สามารถสร้างเอนเกจเมนต์ ตลอดจนคอนเทนต์ที่มีคุณภาพด้วยการบอกเล่า ให้ความรู้ ความบันเทิง ชี้นำ และสร้างแรงบันดาลใจ ในขณะเดียวกันก็พิจารณาอัลกอริทึมของแพลตฟอร์มต่าง ๆ ไปด้วย ที่สำคัญคือ SEO ที่เธอให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
The Better ที่มองวิกฤตเป็นโอกาส
ทางด้านคุณวุฒิ นนทฤทธิ์ บรรณาธิการบริหารจาก The Better ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่มุ่งมั่นในการสร้างสื่อที่ยกระดับมาตรฐานวงการข่าวไทยที่ตนเองมีความตั้งใจนี้มาตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน โดย The Better เน้นการนำเสนอข้อเท็จจริงอย่างลึกซึ้งและเท่าเทียม ด้วยกองกำลังทีมงานที่มีความสามรถและสบการณ์ในวงการอย่างยาวนาน
คุณวุฒิยังได้เน้นย้ำถึงการกำหนดตัวตนขององค์กรให้ชัดเจนและทำคอนเทนต์ที่ตั้งใจไว้ให้ดี แล้วสิ่งดี ๆ ที่จะตามมาเอง พร้อมทั้งสะท้อนให้เห็นว่าการ Disrupt ในวงการสื่อคือโอกาสในการเริ่มต้นใหม่ เป็นโอกาสให้สื่อได้พัฒนาศักยภาพของบุคลากรและคุณภาพของเนื้อหา ดังที่วุฒิได้กล่าวไว้ว่า “สื่อคือสสาร ไม่มีวันหายไป เพียงแต่เปลี่ยนรูปไปเรื่อยๆ”
การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจสื่อในยุคดิจิทัลไม่ใช่จุดจบ แต่เป็นโอกาสในการเริ่มต้นใหม่สำหรับองค์กรที่พร้อมปรับตัว การยึดมั่นในคุณภาพของเนื้อหา การสร้างความน่าเชื่อถือ และการรักษาความสัมพันธ์กับผู้อ่านยังคงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในวงการสื่อ ไม่ว่าเทคโนโลยีจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ตาม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 พ.ย. 67)