บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) และ บริษัท กรุงไทย เวนเจอร์ส จำกัด (Krungthai Ventures) ร่วมทุนสตาร์ทอัพไทย เปิดตัว โกเธอร์ (gother) แพลตฟอร์มให้บริการด้านท่องเที่ยวครบวงจรในการจองที่พัก เที่ยวบิน รถเช่า กิจกรรมน่าลองตามไลฟ์สไตล์ มุ่งสนับสนุนการท่องเที่ยวของคนไทย ด้วยการให้บริการที่เข้าใจ เข้าถึงความต้องการและวัฒนธรรมของคนไทยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่ต้องการประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่าง
นายอนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสิร์ชเอ็นจินอ็อปทิไมเซซั่น จำกัด ในฐานะผู้พัฒนา gother กล่าวว่า บริษัทส่งมอบการบริการที่เน้นกิจกรรมใหม่ๆ (Activity Base) ผ่านฟีเจอร์กิจกรรมน่าลอง และ KLUB คอมมูนิตี้สำหรับนักท่องเที่ยวที่แบ่งตามไลฟ์สไตล์และความชอบของแต่ละคน เช่น ดำน้ำ ดื่มกาแฟ และอีกมากมาย เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีอัตราการเติบโตถึง 44% ในปี 66 ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่สร้างรายได้ให้กับประเทศไทย เพราะการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวในประเทศเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจทั้งระดับชาติ และท้องถิ่น ซึ่งทางโกเธอร์ ขอเป็นส่วนหนึ่งในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีในการวิเคราะห์ไลฟ์สไตล์การท่องเที่ยวของคนไทย และสร้างไอเดียการท่องเที่ยวให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนให้มากที่สุด เป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่จะทำให้การท่องเที่ยวไทยของคุณไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แผนการดำเนินธุรกิจของ โกเธอร์ ในช่วง 5 ปี ข้างหน้า มีเป้าหมายที่จะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พร้อมวางเป้ายอดขายในปี 68 แตะ 1 พันล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าทำได้ 400 ล้านบาท โดยมีฐานผู้ไช้งานในปัจจุบัน 200,000 ราย และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นอีก 150,000 รายในช่วงที่เหลือของปีนี้ และในปี 68 จะมีการสื่อสารกับลูกค้าที่ใช้บริการ Traveligo ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเก่าของบริษัทให้ย้ายมาใช้ โกเธอร์ แทน เพราะจะมีการปิดให้บริการ Traveligo ภายในปี 68
ในปี 68 โกเธอร์ จะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น เช่น บริการรถเช่า จองแพ็คเกจทัวร์ และประกันเดินทาง เพื่อสร้างทางเลือกที่หลากหลายให้กับผู้ใช้บริการ จากปัจจุบันที่สามารถจองที่พักและตั๋วเครื่องบินในระยะแรก และนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้ในการพัฒนาต่อยอดธุรกิจเพื่อให้เข้าถึงและเข้าใจผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้ง BIG DATA, AI, และ Blockchain เพื่อยกระดับสู่การเป็นแพลตฟอร์มจองท่องเที่ยวที่เป็นอันดับหนึ่งในใจของคนไทยที่เข้าถึงคนทุกไลฟ์สไตล์ และทำให้มีส่วนแบ่งตลาด (Market share) สูงขึ้นมากกว่า 0.50% ในปัจจุบัน
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า ธุรกิจ Online Travel Agency ถือว่ามีการแข่งขันสูงจากการมีผู้ให้บริการแพลตฟอร์มรายใหญ่หลายราย แต่ระดับราคาที่นำเสนอทั้งการจองที่พักและโรงแรมจะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทำให้การแข่งขันด้านราคาไม่ได้สูงนัก ยังเป็นธุรกิจที่มีมาร์จิ้นที่ดี ทำให้แพลตฟอร์มสามารถทำกำไรได้ ซึ่งในปัจจุจันบริษัทมีมาร์จิ้นเฉลี่ยอยู่ที่ 6.5% และตั้งเป้าเพิ่มขึ้นเป็น 9% ในปี 68
โกเธอร์ ยังได้รับความไว้วางใจจาก Venture Capital ของ 2 ธนาคารใหญ่ คือ บริษัท บีคอน เวนเจอร์ แคปิทัล จำกัด (บีคอน วีซี) ซึ่งเป็น Venture Capital ของธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ซึ่งเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้าลงทุนมาราว 1 ปี มูลค่าลงทุนราว 100 ล้านบาท และบริษัท กรุงไทย เวนเจอร์ส จำกัด (Krungthai Ventures) บริษัทเงินร่วมลงทุนภายใต้ธนาคารกรุงไทย (KTB) ซึ่งได้เข้ามาลงทุนเมื่อไม่นานที่ผ่านมา ทำให้โกเธอร์ได้ฐานลูกค้าจากทั้ง 2 ธนาคารผ่านโมบายล์แอปพลิเคชั่น ได้แก่ K+, Krungthai Next และเป๋าตัง ที่มีฟีเจอร์การให้บริการของโกเธอร์เข้าไป ทำให้ลูกค้าของธนาคารสะดวกในการเชื่อมต่อจองที่พักและตั๋วเครื่องบินได้อย่างง่าย
อย่างไรก็ตามบริษัทไม่ได้ปิดโอกาสในการที่จะมีผู้ลงทุนรายใหม่ๆสนใจเข้ามาลงทุน ซึ่งในช่วงปลายปีนี้จะมีอีก 1 ธนาคารในประเทศไทยเข้ามาลงทุนในโกเธอร์ และจะนำฟีเจอร์ที่เป็นแพลตฟอร์มของโกเธอร์เข้าไปเชื่อมโยงในโมบายล์แอปพลิเคชั่นของธนาคารนั้นเช่นเดียวกัน
นายธนพงษ์ ณ ระนอง กรรมการผู้จัดการ บีคอน วีซี กล่าวว่า บริษัทได้เข้าร่วมลงทุนเพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพของโกเธอร์ในด้านเทคโนโลยีและข้อมูล ที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจของธนาคาร และช่วยยกระดับบริการให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งตรงกับนโยบายการลงทุนของบริษัท ด้วยการลงทุน และทำงานร่วมกันกับธนาคารกสิกรไทยในการเชื่อมโยง K PLUS กับแพลตฟอร์มโกเธอร์ ผสานจุดแข็งของ K PLUS แพลตฟอร์มโมบายแบงก์กิ้งที่มีผู้ใช้งานอันดับหนึ่ง จำนวนกว่า 22.6 ล้านราย กับศักยภาพและความเชี่ยวชาญของทีมงานโกเธอร์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบริการด้านการท่องเที่ยวที่รู้ใจคนไทยอย่างดี
นอกจากจะตอบโจทย์ลูกค้ ในการส่งมอบประสบการณ์จองทริปท่องเที่ยวและจ่ายเงินได้ครบจบบน K PLUS สะดวก และปลอดภัย อย่างไร้รอยต่อ ตอกย้ำการเป็น Lifestyle Digital Banking อย่างแท้จริงแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในระหว่างการเดินทาง เพิ่มโอกาสให้กับทั้งผู้ประกอบการ ร้านค้า และผู้ให้บริการอื่นๆในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนสอดคล้องกับแนวทางของธนาคารกสิกรไทยที่ให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมาโดยตลอด
นายสุริพงษ์ ตันติยานนท์ ประธานกรรมการ Krungthai Ventures กล่าวว่า การร่วมลงทุนครั้งนี้ สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของบริษัท และธนาคารกรุงไทย ในการสนับสนุนสตาร์ทอัพ และผู้ประกอบการ SMEs ของไทยให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมตอบโจทย์ลูกค้าธนาคารที่มีไลฟ์ไตล์ชื่นชอบการท่องเที่ยว โดยสร้างประโยชน์ร่วม (Synergy) ต่อยอด Ecosystem ที่แข็งแกร่งของธนาคารกรุงไทย จากแอปพลิเคชันเป๋าตัง ซึ่งเป็น Thailand Open Digital Platform ที่คนไทยทุกคนเข้าถึงได้ มีผู้ใช้งานกว่า 40 ล้านราย และ แอป KrungthaiNEXT ที่มีผู้ใช้งานกว่า 18 ล้านราย และแอปถุงเงิน ที่มีผู้ใช้งานกว่า 2 ล้านร้านค้า มาสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของไทย ช่วยให้ธุรกิจที่เกี่ยวช้องทั้งกิจการโรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้าขนาดเล็ก มีรายได้ เกิดการจ้างงานจำนวนมากผลักดันเศรษฐกิจไทยให้ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ย. 67)
Tags: KBANK, KTB, อนุพงษ์ เกรียงไกรลิปิกร