ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทสัปดาห์หน้า (1-5 พ.ค.) ที่ระดับ 33.80-34.40 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดในวันศุกร์ที่ 28 เม.ย. 66 ที่ระดับ 34.10 บาท/ดอลลาร์ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (2-3 พ.ค.) ธนาคารกลางออสเตรเลีย (2 พ.ค.) และธนาคารกลางยุโรป (4 พ.ค.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของไทย
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงาน การจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI และ ISM ภาคการผลิต/ภาคบริการเดือนเม.ย. ยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน และตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงานเดือนมี.ค. นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI เดือนเม.ย. ของจีน ยูโรโซนและอังกฤษ และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย. ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดที่ 34.06 บาท/ดอลลาร์ในรอบกว่า 2 สัปดาห์ เงินบาททยอยแข็งค่าขึ้นสอดคล้องกับทิศทางสกุลเงินอื่นๆ ในเอเชีย ประกอบกับมีแรงหนุนจากข้อมูลการส่งออกของไทยที่หดตัวน้อยกว่าคาดในเดือนมี.ค. 2566 และตัวเลขดุลบัญชีเดินสะพัดของไทยในเดือนมี.ค. 2566 ที่บันทึกยอดเกินดุลสูงถึง 4.78 พันล้านดอลลาร์ฯ โดยภาพดังกล่าวสวนทางเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งเผชิญแรงขาย หลังข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีสัญญาณอ่อนแอ อาทิ ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/66 และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานเดือนมี.ค. 2566
นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ฯ ยังมีปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ซึ่งยังคงไม่ได้ข้อสรุป รวมถึง ปัญหาความอ่อนแอของธนาคารบางแห่งในสหรัฐฯ
สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 24-28 เม.ย. 2566 นั้น นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยที่ 3,956 ล้านบาท แต่มีสถานะเป็น Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตร 4,389 ล้านบาท (ซื้อสุทธิพันธบัตร 7,741 ล้านบาท ขณะที่มีตราสารหนี้หมดอายุ 3,352 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 เม.ย. 66)
Tags: Forex, KBANK, ค่าเงินบาท, ธนาคารกสิกรไทย, อัตราแลกเปลี่ยน, เงินบาท