ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) มองกรอบการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในสัปดาห์หน้า (28 เม.ย.-2 พ.ค.68) ไว้ที่ระดับ 33.00-34.00 บาท/ดอลลาร์ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ ผลการประชุมกนง. (30 เม.ย.) รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมี.ค.ของไทย สถานการณ์ของสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ราคาทองคำในตลาดโลก สัญญาณฟันด์โฟลว์ของต่างชาติ และผลการประชุม BOJ
ขณะที่มีตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ สำคัญ ได้แก่ เครื่องชี้แรงงาน JOLTS ดัชนีราคา PCE/Core PCE ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนมี.ค. ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 (adv.) ข้อมูลการจ้างงานภาคเอกชน ดัชนี PMI/ISM ภาคการผลิต ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรและอัตราการว่างงานเดือนเม.ย. รวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามดัชนี PMI เดือนเม.ย.ของจีน ญี่ปุ่น อังกฤษ และยูโรโซน ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 1/2568 และอัตราเงินเฟ้อเดือนเม.ย.ของยูโรโซนด้วยเช่นกัน
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ตามแรงขายทำกำไรทองคำในตลาดโลก เงินบาทแข็งค่าขึ้นตามการพุ่งขึ้นของราคาทองคำในตลาดโลก แรงซื้อสุทธิพันธบัตรไทยของต่างชาติและการแข็งค่าของสกุลเงินเอเชียอื่น ๆ สวนทางเงินดอลลาร์ที่เผชิญแรงกดดันต่อเนื่องจากความกังวลต่อผลกระทบของ Tariffs ต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ และประเด็นความขัดแย้งระหว่าง ปธน.โดนัลด์ ทรัมป์กับประธานเฟด โดยเงินบาทแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบกว่า 6 เดือนครั้งใหม่ที่ 33.05 บาท/ดอลลาร์
อย่างไรก็ดี เงินบาททยอยอ่อนค่ากลับมาท่ามกลางแรงซื้อคืนเงินดอลลาร์ หลังมีสัญญาณผ่อนคลายลงทั้งในประเด็นเรื่องสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน และแรงกดดันต่อเฟด นอกจากนี้เงินบาทยังมีปัจจัยลบเพิ่มเติมจากสถานะขายสุทธิทั้งหุ้นและพันธบัตรไทยช่วงปลายสัปดาห์ของต่างชาติ เงินบาทอ่อนค่ากลับมาตามแรงขายทองคำในตลาดโลก ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปิดบวกได้ช่วงปลายสัปดาห์ และการปรับตัวลงของราคาทองคำในตลาดโลกตามแรงขายทำกำไร หลังราคาทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์เหนือแนว 3,500 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงที่ผ่านมา
ในวันศุกร์ที่ 25 เม.ย.68 เงินบาทปิดตลาดในประเทศที่ 33.54 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับ 33.44 บาท/ดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (18 เม.ย.) สำหรับสถานะพอร์ตการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติระหว่างวันที่ 21-25 เม.ย.68 นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทย 8,934 ล้านบาท แต่มีสถานะอยู่ในฝั่ง Net Inflows เข้าตลาดพันธบัตรไทย 18,396 ล้านบาท (แบ่งเป็น ซื้อสุทธิพันธบัตร 18,406 ล้านบาท หักตราสารหนี้หมดอายุ 10 ล้านบาท)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 เม.ย. 68)
Tags: KBANK, กนง., ธนาคารกสิกรไทย, ราคาทอง, สงครามการค้า