IVL Q2/66 EBITDA โต 7%QoQ แต่ลดลง 68%YoY กำเงินสดอื้อ คาด H2 ยอดขายดีขึ้น

บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) รายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 มี Reported EBITDA เท่ากับ 321 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลง 68% เมื่อเทียบปีต่อปี โดยปริมาณการขายยังคงแข็งแกร่งและเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส ท่ามกลางการระบายสต็อกอย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ทั่วโลกจากจุดสูงสุดในไตรมาสที่ 4 ปีที่ผ่านมา

ส่วนรายได้จากการขายเท่ากับ 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดกลง 1% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และลดลง 27% เมื่อเทียบปีต่อปี ขณะที่ กระแสเงินสดจากการดำเนินงานเท่ากับ 492 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 147% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส สัดส่วนหนี้สินจากการดำเนินงานสุทธิต่อทุนเฉลี่ยเท่ากับ 0.95 เท่า และ Reported EPS เท่ากับ 0.04 บาท

ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารกำลังดำเนินการเพื่อรักษาเงินสด และปกป้องความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทฯ จากการที่อุตสาหกรรมทั่วโลกได้รับผลกระทบจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรที่ลดลง เนื่องจากประเทศจีนส่งเสริมการส่งออกเพื่อชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่อยู่ในภาวะซบเซา โดยบริษัทฯ ได้ออกมาตรการต่างๆ อาทิ ความพยายามเป็นสองเท่าในการลดเงินทุนหมุนเวียนและค่าใช้จ่ายในการลงทุน ซึ่งตั้งเป้ารักษาเงินสดในปีนี้ให้ได้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ นอกจากนี้ ยังเดินหน้าเพิ่มประสิทธิภาพฐานการผลิตในยุโรป และให้ความสำคัญต่อโครงการปรับเปลี่ยนต้นทุนอย่าง Project Olympus รวมทั้งการพัฒนาด้านดิจิทัล และการเสริมศักยภาพองค์กรอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คาดว่าปริมาณการขายจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยทั้งสามกลุ่มธุรกิจของอินโดรามา เวนเจอร์ส ได้รับประโยชน์จากมาตรการบริหารจัดการและแนวโน้มของอุตสาหกรรมที่ค่อยๆ ปรับตัวดีขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Combined PET (CPET) ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ที่สุดของบริษัทฯ มี Reported EBITDA เท่ากับ 194 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 37% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เนื่องจากการระบายสต็อกในตลาดส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงและมีปริมาณขายที่มั่นคง โดยคาดว่าปริมาณขายจะเติบโตขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากการผลิตที่มีเพิ่มศักยภาพในยุโรปและการขยายโครงการอีกหลายแห่งในประเทศอินเดีย

กลุ่มธุรกิจ Fibers มี Reported EBITDA เท่ากับ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 37% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส โดยได้รับผลกระทบจากอัตรากำไรที่ลดลงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ไลฟ์สไตล์ในยุโรป และความต้องการที่ลดลงสำหรับผลิตภัณฑ์สุขอนามัยในยุโรป โดยคาดว่าปริมาณขายจะปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการผลิตในยุโรปได้รับการเสริมประสิทธิภาพ และการขยายโครงการอีกหลายแห่งที่กำลังดำเนินการอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและอินเดีย ปริมาณขายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ Mobility จะเห็นการปรับตัวดีขึ้นตามความต้องการยานยนต์ที่เพิ่มมากขึ้น

สำหรับกลุ่มธุรกิจ Integrated Oxides and Derivatives (IOD) มี Reported EBITDA ลดลง 27% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส เท่ากับ 94 ล้านเหรียญสหรัฐ ท่ามกลางการระบายสต็อกในตลาด Crop Solutions ปริมาณขายจะยังคงได้รับการสนับสนุนจากการลดระดับของการระบายสต๊อกในกลุ่มผลิตภัณฑ์ขั้นปลาย

นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ธุรกิจของอินโดรามา เวนเจอร์ส ได้รับการวางโครงสร้างไว้อย่างดี เรากำลังใช้โอกาสจากช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวเพื่อเสริมศักยภาพในฐานการผลิตของเรา และขับเคลื่อนความเป็นเลิศด้านการดำเนินงานเพื่อรักษาตำแหน่งต้นทุนให้อยู่ในควอร์ไทล์แรกของตลาดที่เรามีการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับคำพูดที่ว่า ‘อย่าปล่อยให้วิกฤตดีๆ เปล่าประโยชน์’ (Never let a good crisis go to waste) นั้น ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่าจะเห็นผลตอบแทนในช่วงวัฏจักรระยะกลาง

สำหรับธุรกิจของเราในปี 2567 นำโดยผู้บริหารที่มากความสามารถของเรา เสริมด้วยโครงสร้างพื้นฐานใหม่อย่าง SAP S4/Hana และเครื่องมือดิจิทัล เพื่อพัฒนาการดำเนินงานของเราให้ตอบโจทย์ลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น เราเชื่อมั่นในการลงทุนที่ส่งเสริมความยั่งยืนซึ่งเรายังคงผลักดันอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่เรามีการพิจารณาลดโครงการลงทุนที่นอกเหนือจากแผนงานปกติ เนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ผมรู้สึกตื้นตันในความมุ่งมั่นของทีมงาน ซึ่งเป็นกำลังสำคัญและเป็นผู้ร่วมกันออกแบบเป้าหมายการเติบโตของเรา”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 ส.ค. 66)

Tags: , , ,