บมจ.ทางยกระดับดอนเมือง [DMT] ผู้บริหารโครงการสัมปทานทางยกระดับดอนเมืองช่วงดินแดงจนถึงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ (คอนเมืองโทลเวย์) มีรายได้หลักจากการจัดเก็บค่าผ่านทางภายใต้สัญญาสัมปทาน แต่อายุสัมปทานจะสิ้นสุดวันที่ 11 ก.ย.77 หรืออีก 10 ปี DMT จึงต้องหันมาเน้นการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อหารายได้ทางอื่นเพิ่มขึ้นแทนที่จะพึ่งพิงรายได้จากค่าผ่านทางดอนเมืองโทลเวย์อย่างเดียว
นายศักดิ์ดา พรรณไวย กรรมการผู้จัดการ DMT ให้สัมภาษณ์กับ”อินโฟเควสท์”ว่า ทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์เหลืออายุสัญญาสัมปทาน 10 ปีสุดท้าย ขณะที่บริษัทไม่มีหนี้ และมี cash flow สม่ำเสมอ บริษัทจึงได้มองหาธุรกิจเรือธงใหม่ที่จะสร้าง New S-curve กระจายความเสี่ยงจากธุรกิจเดิม โดยจะจัดงบลงทุนในช่วงปี 68-69 จำนวน 1,000 พันล้านบาท หรือปีละ 500 ล้านบาท พร้อมดึงมือดีเข้ามาบริหารธุรกิจส่วนนี้
ขณะนี้ DMT มีดีลธุรกิจใหม่ในมือ 2-3 รายที่ได้เจรจาถึงแนวโน้มและความเป็นไปได้ อาจจะใช้รูปแบบการร่วมทุน หรือ ซื้อกิจการ (M&A) ขึ้นกับความเหมาะสม โดยอยู่ระหว่างการทำ Due Diligence 1 รายคาดว่าจะได้ข้อสรุปในไตรมาส 2/68
“เรามองสถานการณ์เราว่าต่อจากนี้ก็จะมีเงินสดคงเหลือเยอะขึ้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่จะทรานฟอร์มตัวเราเอง ด้วยการมองหาโอกาสใหม่ๆ ในการลงทุน ปลายปีที่แล้วบริษัทปรับโครงสร้างจัดกลุ่มธุรกิจใหม่ (New Business) และดึงมือดีเป็นผู้บริหารเข้ามาทำเรื่อง New S-curve ที่จะไม่ใช่ธุรกิจเกี่ยวเนื่อง แต่จะกลายเป็นอีกเรือธง”นายศักดิ์ดา กล่าว
ขณะเดียวกัน อีกแนวทางหนึ่งของการเติบต บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อยที่ Spin-off จาก DMT นำความเชี่ยวชาญออกมาต่อยอดธุรกิจให้เกิดรายได้และจะเป็นเรือธงต่อไปเช่นกัน ได้แก่

1. บริษัท เอ สยาม อินฟรา จำกัด ร่วมทุนกับ บริษัท Hanshin Expressway จำกัดจากญี่ปุ่นที่เข้ามาถือหุ้น 31.50% ขณะที่ DMT ถือ 68.50% ดำเนินธุรกิจตรวจสอบ ตรวจวัด วิเคราะห์ ประเมิน ออกแบบ และวางแผนซ่อมแซม ปรับปรุง และเพิ่มความแข็งแรงของงานโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ และจำหน่ายวัสดุที่เกี่ยวข้อง โดยจัดตั้งบริษัทเมื่อปี 66
2.บริษัท แอลฟา ดี เอ็ม เทค จำกัด ซึ่ง DMT ยังถือหุ้นทั้ง 100% เป็นธุรกิจให้บริการระบบการชำระเงินดิจิทัล ระบบการบริหารจัดการจราจรและความปลอดภัย และระบบการจัดการทรัพย์สิน
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า เอ สยาม อินฟรา เปิดมา 2 ปี ธุรกิจมีแนวโน้มดีขึ้นได้รับงานเข้ามาหลากหลาย อาทิ งานสนามบิน งานสะพาน เป็นต้น ซึ่งปี 67 ที่ผ่านมามีงานมาแล้วกว่า 20 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 30 ล้านบาท และยังมีโอกาสรับงานได้ต่อเนื่องในอนาคต โดยปี 68 ตั้งเป้าได้งานใหม่เข้ามาราว 90 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 3 เท่าจากปีก่อน
ส่วน แอลฟาฯ เพิ่งจัดตั้งเมื่อต้นปี 68 จะมีลูกค้าหลักในระยะเริ่มต้น คือ ดอนเมืองโทลเวย์ เพื่อให้เกิดผลงานและประสบการณ์ ก่อนที่จะเข้าประมูลงานจากผู้ประกอบการรายอื่น ปีแรกวางเป้าหมายการรับงานราว 30 ล้านบาท ซึ่งรวมทั้งงานดอนเมืองโทลเวย์และงานของเจ้าอื่น
ลุยเข้าชิงบริหารมอเตอร์เวย์ M82, M5 ปีนี้
นายศักดิ์ดา กล่าวว่า งานบริหารจัดการทางด่วนยกระดับ หรือ มอเตอร์เวย์ เป็นงานที่ DMT มีความเชี่ยวชาญ มองเห็นโอกาสงานด้านนี้ เนื่องจากภาครัฐมีแผนพัฒนาโครงการมอเตอร์เวย์ใหม่ ๆ ในอนาคตอีกประมาณ 20 โครงการ ซึ่งจะทยอยประมูลงาน ขณะที่บริษัทมีความพร้อมเข้าร่วมประมูลงาน
ในปี 68 กรมทางหลวง จะมีการประมูล 2 โครงการ ได้แก่ มอเตอร์เวย์ บางขุนเทียน-บ้านแพ้ว (M82) ระยะทาง 25 กม.คาดเปิดประมูลในช่วง มิ.ย.-ก.ค.68 แบบ Gross Cost แยกเป็น 2 งานคือ งานระบบติดตั้งค่าผ่านทาง ระบบจราจร ที่คาดใช้เวลาประมาณ 2 ปี และงานบริการทาง 30 ปี
ส่วนปลายปีนี้ คาดจะเปิดประมูลส่วนต่อขยายทางยกระดับอุตราภิมุข (M5) ช่วงรังสิต-บางปะอิน ระยะทาง 22 กม.ที่จะต้องก่อสร้างและบริหารทางยกระดับตั้งแต่ช่วงอนุสรณ์สถานแห่งชาติ-รังสิต และช่วงรังสิต-บางปะอิน รวมระยะทาง 29 กม. ซึ่งเส้นทางนี้ เป็นเส้นทางที่เชื่อมกับเส้นทางปัจจุบันที่ DMT บริหารอยู่ (ช่วงดินแดง-อนุสรณ์สถานฯ) ทำให้บริษัทจะสามารถบริหารต้นทุนได้ดี และจะให้บริการแบบไร้รอยต่อ รวมถึงต้นทุนการเงิน ที่จะทำให้บริษัทก็แข่งขันได้
ภาพอนาคต 5 ปีจากนี้จะเปลี่ยนไป
นายศักดิ์ดา กล่าว่า จากยุทธศาสตร์ที่บริษ้ทมี 4-5 เรือธงที่บริษัทได้เตรียมแผนไว้ คาดว่าภายใน 5 ปีเราจะมีรายได้อื่นเข้ามา อาทิ เอ สยามอินฟรา ก็น่าจะมีรายได้ประมาณ 300-500 ล้านบาท ส่วน อัลฟา ดี เอ็ม เทค คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้าจะมีรายได้เข้ามาประมาณ 300-500 ล้านบาทเช่นกัน รวมเป็นสัดส่วนรายได้ 30%
ส่วนอีกแห่งที่กำลังทำ Due Diligence อยู่ ถ้าได้เข้าไปบริหารก็เชื่อว่าภาพ 5 ปีข้างหน้าจะเปลี่ยนไป
อย่างไรก็ดี รายได้ค่าผ่านทางก็ยังคงเป็นสัดส่วนใหญ่ของ DMT และหากได้งานโครงการ M82 และ M5 ก็จะเป็นแหล่งรายได้ค่าผ่านทางเข้ามาอีก
สำหรับสัมปทานทางด่วนดอนเมืองโทลเวย์ที่ใกลหมดอายุนั้น ตามสัญญาระบุว่าผู้ให้บริการเดิมสามารถขอยื่นต่อสัญญาก่อนหมดสัญญาในอีก 5 ปี ต่อเจ้าของโครงการคือ กรมทางหลวง ไปพิจารณาได้อีก
ปี 68 รายได้ค่าผ่านทางโต 5%
นายศักดิ์ดา คาดว่าในปี 68 ปริมาณจราจรเติบโต 5% จากปี 67 ที่มีปริมาณจราจรเฉลี่ย 1.1 แสนคัน/วัน เป็น 1.2 แสนคัน/วัน แต่ก็ยังไม่เท่าก่อนโควิดซึ่งอยู่ที่ 1.5 แสนคัน/วันปี 62 พีค การจราจรกลับมาไม่ทันก่อนโควิด โดยคาดว่าต้องใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะกลับมาเท่าก่อนโควิด
ส่วนรายได้ปีนี้น่าจะเติบโต 5% ได้ต่อเนื่องจากปีก่อน โดยจะรายได้เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจากค่าผ่านทางที่ปรับตัวขึ้น 10 บาทเมื่อ 22 ธ.ค.67 และจากสถานการณ์การท่องเที่ยวเติบโต อักทั้ง สายการบินไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์กลับมาใช้สนามบินดอนเมืองเป็นฐานจากที่มีเพียงสายการบินไทยแอร์เอเชีย แต่จำนวนเที่ยวบินยังไม่เท่าเดิม คาดปี 68 ปริมาณจราจร 1.2 แสน คัน/วันจากปีก่อน 1.1 แสนคัน/วัน
อย่างไรก็ดี ในช่วงต้นปี 68 ปริมาณจราจรปรับตัวลงเล็กน้อย จากการปรับเพิ่มค่าผ่านทาง แต่ในภาพรวมก็มั่นใจว่ายังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 มี.ค. 68)
Tags: DMT, INTERVIEW, SCOOP, ทางยกระดับดอนเมือง, ศักดิ์ดา พรรณไวย, หุ้นไทย