In Focus: เชื่อสัมพันธ์จีน-สหรัฐยังไม่เปลี่ยน หลัง “หวัง อี้” เป็นรมว.ต่างประเทศแดนมังกร

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) จีนประกาศปลดนายฉิน กัง ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศหลังจากที่เขาหายหน้าไปจากสาธารณชนอย่างเป็นปริศนาครบ 1 เดือนพอดิบพอดี โดยทางการจีนไม่ได้แจ้งถึงสาเหตุของการสั่งปลดนายฉินแต่อย่างใด และผู้ที่จีนเลือกให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนนายฉินก็คือ นายหวัง อี้ นักการทูตระดับสูงซึ่งเคยดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศจีนมาแล้วก่อนหน้านี้

In Focus สัปดาห์นี้จะพาผู้อ่านไปวิเคราะห์ว่า เมื่อนายหวัง ซึ่งเป็นผู้ที่สหรัฐคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีอยู่แล้วได้กลับมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศจีนอีกครั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ หรือจะยังย่ำอยู่กับที่ ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างกันในปัจจุบันนั้นเรียกได้ว่าตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว

เปลี่ยนรมว.ต่างประเทศ สัมพันธ์สหรัฐ-จีนไม่น่าเปลี่ยน

บรรดาผู้เชี่ยวชาญแสดงความเห็นว่า การที่นายหวังกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนอีกครั้งหลังจากที่เขาเคยทำหน้าที่นี้เมื่อ 10 ปีที่แล้วนั้น ทำให้คาดเดาได้ว่า คนหน้าเดิมคนนี้ไม่มีแนวโน้มที่จะมาเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทวิภาคีที่มีปัญหาระหว่างสหรัฐและจีนได้อย่างฉับพลันทันใด หรือจะสามารถขจัดความกังวลเกี่ยวกับการทำงานที่คลุมเครือของรัฐบาลจีนไปได้

“ไม่น่าจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-จีนดีขึ้นแต่อย่างใด ขณะที่ความสัมพันธ์ได้ดิ่งลงแตะจุดต่ำสุดในรอบหลายทศวรรษ” ผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งแสดงความเห็น

โจเซฟ โทริเจียน ผู้เชี่ยวชาญด้านผู้นำคอมมิวนิสต์จีนแห่งมหาวิทยาลัยอเมริกันในวอชิงตันกล่าวว่า การที่นายหวังกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศนั้นไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันระหว่างสหรัฐและจีนแต่อย่างใด

นอกจากนี้ สหรัฐก็ยังคงต้องเคลือบแคลงสงสัยในการติดต่อกับจีนต่อไป เพราะแม้แต่เรื่องของการสั่งปลดนายฉินซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคนสนิทของประธานาธิบดีสี จิ้นผิงหลังจากที่นายฉินหายหน้าไปจากสาธารณะเป็นเวลานานร่วมเดือนนั้น ก็ยังไม่มีคำอธิบายที่กระจ่างชัดใด ๆ จากรัฐบาลจีน ซึ่งก็ได้สร้างความสับสนและประหลาดใจให้กับคนในชาติและประชาคมโลกเป็นอย่างมาก

และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีรายงานว่า นายฉินซึ่งกลายเป็นอดีตรมว.ต่างประเทศ วัย 57 ปีของจีนนั้น จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เพราะเขาก็ยังไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะหลังจากที่มีประกาศคำสั่งปลดเขาออกจากตำแหน่ง

นายฉินซึ่งเคยเป็นเอกอัครราชทูตจีนประจำสหรัฐได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนเมื่อเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว และอยู่ในตำแหน่งได้ไม่ถึงปี ก่อนที่จะหายหน้าไปจากสาธารณะตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมาหลังจากพบปะกับเจ้าหน้าที่ทูตของหลายประเทศในกรุงปักกิ่ง

ด้านกระทรวงการต่างประเทศจีนระบุในเบื้องต้นแต่เพียงว่า นายฉินหยุดปฏิบัติหน้าที่ด้วยเหตุผลทางด้านสุขภาพ แต่ก็ไม่ได้ให้รายละเอียดใด ๆ มากไปกว่านั้น

ทำไมต้องเป็น “หวัง อี้” กลับมานั่งเก้าอี้รมว.ต่างประเทศจีน

นายหวังได้รับการยอมรับจากแวดวงการทูตสหรัฐว่าเขาเป็นผู้ที่มีสติปัญญาที่เฉียบแหลม และบางครั้งเขาก็ได้ออกโรงปกป้องจุดยืนของจีนอย่างแข็งกร้าว โดยนับเป็นบุคคลที่สำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับจีนมานานหลายปี

บรรดานักวิเคราะห์ในสหรัฐกล่าวว่า การที่นายหวังกลับมาดำรงตำแหน่งรมว.ต่างประเทศ อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้กระทรวงการต่างประเทศของจีนกลับมาดำเนินงานได้ตามปกติ หลังจากมีการคาดเดากันไปต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับชะตากรรมของนายฉินซึ่งหายตัวไปอย่างไร้คำชี้แจงจากรัฐบาลจีน

นายวีแดนต์ พาเทล รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) ว่า ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจีนที่จะเลือกรัฐมนตรีต่างประเทศของตนเอง และนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐก็ได้เคยพบปะกับนายหวังมาหลายต่อหลายครั้งแล้ว

รอร์รี แดเนียลส์ กรรมการผู้จัดการของสถาบันนโยบายสังคมเอเชียกล่าวว่า เนื่องจากจะมีการประชุมระดับนานาชาติที่สำคัญหลายรายการที่จีนจะต้องเข้าร่วม ดังนั้นปธน.สี จิ้นผิง จึงต้องเลือกบุคคลที่เขารู้จักเป็นอย่างดีและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำต่างประเทศหลายคนเข้ามาทำหน้าที่รัฐมนตรีต่างประเทศแทนที่นายฉินที่หายตัวไปจากสาธารณะอย่างเป็นปริศนา โดยในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนนี้ จีนต้องการความมีเสถียรภาพและความสามารถในการคาดการณ์ว่าสิ่งต่าง ๆ จะเป็นไปอย่างไร ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเขาจึงต้องเลือกนายหวังซึ่งเป็นคนที่คุ้นเคยและเชื่อถือได้ในการรับบทบาทของรัฐมนตรีต่างประเทศ

เครก ซิงเกิลตัน รองผู้อำนวยการโครงการจีนของมูลนิธิปกป้องประชาธิปไตยกล่าวว่า การเลือกนายหวังกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงการที่จีนขาดตัวเลือกที่ดีไปกว่านี้

พูดง่าย ๆ ก็คือ จีนขาดนักการทูตจีนที่ช่ำชองซึ่งต้องได้รับความไว้วางใจจากปธน.สี อีกทั้งยังต้องมีประสบการณ์ที่จำเป็นในการติดต่อกับสหรัฐสำหรับตำแหน่งที่สำคัญนี้ด้วย

แนวโน้มการติดต่อเจรจาทางการทูตอาจจะราบรื่นขึ้น

จู๊ด แบลนเชตต์ ผู้เชี่ยวชาญด้านจีนจากศูนย์ยุทธศาสตร์และการศึกษาระหว่างประเทศของสหรัฐในกรุงวอชิงตันกล่าวว่า การที่นายหวังได้ควบตำแหน่งผู้นำด้านนโยบายต่างประเทศสูงสุดสองตำแหน่งพร้อมกันนั้น ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างจีนกับสหรัฐอาจจะง่ายดายขึ้น โดยช่วยลดระเบียบขั้นตอนทางราชการ สหรัฐจะสามารถติดต่อสื่อสารโดยตรงกับนายหวังซึ่งมีอำนาจและความรับผิดชอบมากขึ้นในขณะนี้ในการจัดการด้านกิจการต่างประเทศของจีน

นอกจากจะนั่งเก้าอี้รมว.ต่างประเทศ นายหวังยังคงเป็นผู้อำนวยการของคณะกรรมาธิการกิจการต่างประเทศของพรรคคอมมิวนิสต์จีน และในฐานะสมาชิกของโปลิตบูโร 24 คนของพรรคคอมมิวนิสต์ นายหวังจึงมีอิทธิพลและอำนาจในการโน้มน้าวผู้นำระดับสูงของจีนได้มากกว่านายฉิน ซึ่งก็หมายความว่า นายหวังจะสามารถทำการตัดสินใจที่มีความสำคัญใด ๆ และเป็นตัวแทนที่เหมาะสมในการรักษาผลประโยชน์ของจีนในเวทีโลก

ในช่วงที่นายฉินยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนนั้น นายบลิงเกนก็ยังต้องติดต่อสื่อสารกับนายหวังด้วย แม้ว่าการหารือกันเป็นไปอย่างเย็นชาในบางครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่บอลลูนสอดแนมของจีนถูกกล่าวหาว่าบินข้ามน่านฟ้าของสหรัฐ และถูกสหรัฐยิงตกเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งนายหวังก็ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์สหรัฐอย่างรุนแรงว่า กระทำการเกินกว่าเหตุและตื่นตระหนกมากเกินไป

การตัดสินในของจีนยังคงเป็นความลับและสร้างความสับสนต่อไป

แบลนเชตต์กล่าวว่า การปลดนายฉินและการแต่งตั้งนายหวังอีกครั้งยังแสดงถึงสัญญาณของปัญหาในการกำหนดนโยบายต่างประเทศของจีน

“แต่เรื่องที่ใหญ่กว่านั้นก็คือ ความไม่แน่นอนและความคลุมเครือของระบบบริหารประเทศของจีน ซึ่งเห็นได้จากการที่เจ้าหน้าที่ด้านนโยบายต่างประเทศระดับสูงอย่างนายฉินได้ถูกโยนลงไปในหลุมดำเป็นเวลานานถึงหนึ่งเดือน โดยที่ไม่มีข้อมูลชี้แจงใด ๆ จากรัฐบาลจีนเลย” เขากล่าว

เมื่อวานนี้ (25 ก.ค.) เนื้อหาที่เกี่ยวกับนายฉินทั้งหมดได้ถูกลบออกจากเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศของจีนอย่างรวดเร็ว หลังจากการประกาศแต่งตั้งนายหวังขึ้นเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่ และแท็บบนเว็บไซต์ที่แสดงชีวประวัติของรัฐมนตรีต่างประเทศนั้น เมื่อกดเข้าไปก็จะพบข้อความว่า “กำลังอัปเดต”

ความเห็นจนท.สหรัฐ-ญี่ปุ่นเกี่ยวกับ “หวัง อี้”

นายบลิงเกนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปลดนายฉิน กัง ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างกะทันหันว่า “ผมหวังว่า คุณฉินจะยังคงสบายดี” ในขณะที่เขายืนยันว่าจะสานต่อการทำงานต่อไปร่วมกับนายหวัง อี้

“ผมรู้จักกับคุณหวัง อี้ มานานกว่าทศวรรษแล้ว ผมเคยพบกับเขาหลายครั้ง” นายบลิงเกนกล่าว “ผมคาดว่าจะสามารถทำงานร่วมกับเขาได้เป็นอย่างดีเหมือนกับที่เราเคยทำในอดีตที่ผ่านมา”

“เราจำเป็นต้องจัดการความสัมพันธ์ของเรากับจีนอย่างระมัดระวังและรับผิดชอบ ซึ่งเริ่มจากการทูตและการหารือกัน ผมยินดีที่จะร่วมงานกับใครก็ตามซึ่งเป็นผู้ที่เหมาะสมสำหรับประเด็นเหล่านี้”

คารีน ฌอง-ปิแอร์ โฆษกทำเนียบขาวกล่าวว่า “มันคงไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร” พร้อมระบุว่า การปลดนายฉิน กังนั้น เป็นเรื่องภายในของจีน สหรัฐไม่อยู่ในสถานะที่จะแสดงความเห็นอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องนี้

สหรัฐเชื่อว่า การรักษาความสัมพันธ์กับจีนเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจีนปลดนายฉิน กัง ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศโดยไม่ได้ให้เหตุผลใด ๆ ก็ตาม

เธอกล่าวในการแถลงข่าวว่า สหรัฐยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารเชิงลึกกับจีน เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิด หรือการคาดการณ์ที่ผิดพลาดต่าง ๆ

ด้านนายฮิโรคาสุ มัตสึโนะ หัวหน้าเลขาธิการครม.ญี่ปุ่นเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ญี่ปุ่นหวังที่จะติดต่อสื่อสารอย่างใกล้ชิดกับจีน รวมถึงนายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศคนใหม่

“สิ่งสำคัญคือต้องสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์และมั่นคงกับจีนผ่านความพยายามร่วมกัน” นายมัตสึโนะกล่าวกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ นายหวังและนายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นได้ตกลงที่เริ่มการเจรจาไตรภาคีระดับสูงกับเกาหลีใต้อีกครั้ง นอกรอบการประชุมสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ที่อินโดนีเซียเมื่อต้นเดือนก.ค.นี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ก.ค. 66)

Tags: , , , ,