กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจจะเลื่อนเวลาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหม่ เนื่องจากความไม่แน่นอนของมาตรการภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ทำให้ญี่ปุ่นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะเผชิญกับภาวะขาลงทั้งในส่วนของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ
นาดา ชูเอรี รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายกิจการเอเชียแปซิฟิกของ IMF กล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ก่อให้เกิดความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ และการที่ประเทศต่าง ๆ ใช้มาตรการภาษีตอบโต้ก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจและขัดขวางบริษัทญี่ปุ่นในการปรับขึ้นค่าจ้าง
ทั้งนี้ IMF แนะนำว่า BOJ ควรดำเนินนโยบายการเงินด้วยความยืดหยุ่นและพิจารณาตามข้อมูล ก่อนที่จะตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้สร้างแรงกดดันต่อเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ ชูเอรีกล่าวว่า IMF ยังคงคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อของญี่ปุ่นจะอยู่ในกรอบเป้าหมายของ BOJ ที่ระดับ 2% แม้ว่าเป้าหมายดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในปี 2570 มากกว่าในปี 2569 ก็ตาม
การแสดงความเห็นของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ IMF มีขึ้นหลังจาก IMF ออกรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (WEO) เมื่อวันอังคาร (22 เม.ย.) โดยได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจโลกในปี 2568 ลงสู่ระดับ 2.8% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 3.3% นอกจากนี้ IMF ยังได้ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของญี่ปุ่นในปี 2568 ลงสู่ระดับ 0.6% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ระดับ 1.1%
BOJ ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมเมื่อวันที่ 24 ม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2551 โดย BOJ เชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นอยู่ในทิศทางที่จะทำให้ BOJ สามารถบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% อย่างยั่งยืน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 เม.ย. 68)
Tags: BOJ, IMF, กองทุนการเงินระหว่างประเทศ, ธนาคารกลางญี่ปุ่น, มาตรการภาษี, อัตราดอกเบี้ย, เงินเฟ้อ, โดนัลด์ ทรัมป์