IIG ปั้นรายได้ปี 66 โตแตะ 1,400 ลบ.แก้เกมต้นทุนดันอัตรากำไรฟื้น ตีตั๋วบุกเวียดนาม

นายสมชาย เมฆะสุวรรณโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้บริหาร บมจ.ไอแอนด์ไอ กรุ๊ป (IIG) เปิดเผยว่า แผนพัฒนาธุรกิจปี 66 มุ่งเพิ่มขีดความสามารถในการทำไร (Net Profit Margin) จากการบริหารโครงการ มั่นใจทั้งปีสร้างรายได้โตเป็น 1,400 ล้านบาท ก่อนพุ่งแตะ 2,000 ล้านบาทในปี 67 พร้อมดันอัตรากำไรสุทธิปีนี้กลับมาเป็นปกติ 11-12% หลังจากปีก่อนได้รับผลกระทบ

จากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน และต้นทุนการจ้างงานบริษัทภายนอก (Cost of Outsourcing) เพิ่มขึ้น

แผนงานในปี 66 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ทั้งปีเติบโตกว่า 40% หรือประมาณ 1,350-1,400 ล้านบาท จากการเติบโตของธุรกิจเดิมของบริษัท (Organic Growth) ในกลุ่ม CRM และ ERP ที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอัตรา 20-25% อีกทั้งรายได้เสริมจากธุรกิจใหม่ อาทิ MarTech, InsureTech และ HealthTech รวมถึงการลงทุนในบริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัด หรือ Lansing ผู้นำด้าน Software Development, Outsourcing และ IT Security คาดว่าจะมีรายได้เข้ามาตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 66 ทั้งนี้ บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการลงทุนขยายกิจการในอนาคตด้วยเช่นกัน

สำหรับผลประกอบการปี 65 รายได้รวมทั้งปีสร้างสถิติสูงสุดที่ 962 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้รวม 690 ล้านบาท เติบโตกว่า 39% สร้างสถิติ All-time High ต่อเนื่อง เป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้กลุ่มธุรกิจด้านการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า (CRM) และธุรกิจด้านการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่มีอัตราการเติบโต 41.7% และ 55.3% ตามลำดับ

ในไตรมาส 4/65 บริษัทยังคงสามารถสร้างสถิติรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ติดต่อกัน 8 ไตรมาสต่อเนื่อง นับตั้งแต่ไตรมาส 1/64 จนถึงปัจจุบัน โดยในไตรมาส 4/65 มีรายได้รวม 254 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.21 ล้านบาท หรือคิดเป็น 29.78% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 195.49 ล้านบาท

ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงในปีที่ผ่านมา เกิดจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ ต้นทุนการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากจำนวนพนักงานที่มากขึ้นจาก 282 คนในปีที่แล้ว เป็น 400 คน ณ สิ้นปี 65 ถึงแม้จะรับพนักงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เพียงพอกับจำนวนงานในมือของบริษัท เป็นผลให้ต้องจ้างบริการบุคลากรจากภายนอกองค์กรมากขึ้นเพื่อเร่งดำเนินโครงการให้เร็วกว่ากำหนดตามความต้องการของลูกค้า เป็นผลให้ต้นทุนสูงขึ้นกว่า 5%

นอกจากนี้บริษัทได้รับผลกระทบจากค่าเงินที่ผันผวนระหว่างปี 65 ทำให้ต้นทุนการให้บริการ Subscription สูงขึ้นกว่า 5% เป็นผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลง อย่างไรก็ดี บริษัทตระหนักถึงความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน จึงดำเนินการเปลี่ยนรูปแบบสัญญาการให้บริการกับลูกค้า จากเดิมที่เป็นสกุลเงินไทยบาท เปลี่ยนเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้สะท้อนกับมูลค่าตลาดที่แท้จริง

IIG เชื่อว่าจากแผนการพัฒนาบุคลากร ประกอบกับการเข้าซื้อกิจการบริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัด จะทำให้บริษัทฯ สามารถลดต้นทุนการจ้างงานภายนอกองค์กรได้อย่างมาก ซึ่งปัจจุบันแลนซิ่งมีพนักงานกว่า 300 คน รวมกับพนักงานของ iiG ปัจจุบัน ทำให้กลุ่มบริษัทฯ มีพนักงานมากกว่า 740 คน นอกจากนี้ IIG ยังมองหาบริษัทเพื่อการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการบริการ Outsource ในประเทศเวียดนาม เนื่องด้วยเป็นประเทศที่มีบุคลากรที่มีทักษะความเชี่ยวชาญด้านไอทีสูงและต้นทุนต่ำกว่า

อีกหนึ่งปัจจัยคือ การแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐอย่างรวดเร็ว และความผันผวนของค่าเงินในช่วงไตรมาส 2-3 ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Subscription) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ ยังมีค่าใช้จ่ายจากการขายและการบริหาร ซึ่งรวมค่าที่ปรึกษาทางการเงินในการทำดีล M&A กับ บริษัท แลนซิ่ง บิสสิเนส ซิสเต็มส์ จำกัดอีกด้วย โดยต้นทุนใบอนุญาตการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Subscription) ที่สูงขึ้นจากอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Salesforce & Oracle Software Subscription and License ลดลงจาก 18% ในปีที่แล้ว เหลือ 12% ซึ่งถือเป็นปัจจัยชั่วคราว และอยู่ในวิสัยที่บริษัทฯ สามารถจัดการได้

อีกทั้ง บริษัทได้ปรับกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยการทำเจรจากับคู่ค่าสำหรับสัญญาใหม่และลูกค้าที่ต่อสัญญาเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแทน โดยคาดว่าจะดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงกลางปี 66

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 มี.ค. 66)

Tags: , , ,