นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) กล่าวว่า ภาพรวมในไตรมาส 2/67 ตลอดจนครึ่งปีหลังของปีนี้น่าจะเติบโตได้ต่อเนื่อง และคาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้รายได้ปีนี้เติบโตได้ 25-30% ตามเป้าหมาย จากการรับรู้รายได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม GPD หน่วยผลิตที่ 3 กำลังผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ HKP หน่วยที่ 1 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ หลังได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้วในไตรมาสแรกที่ผ่านมา รวมถึงรับรู้กำไรเพิ่มขึ้นจากการ COD โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา (Solar Rooftop) โดยมีแผน COD เพิ่มอีก 100 เมกะวัตต์ในปีนี้
ขณะที่ก็เตรียม COD โครงการ GPD หน่วยที่ 4 กำลังการผลิตติดตั้ง 662.5 เมกะวัตต์ ในช่วงปลายเดือนต.ค.นี้ด้วย รวมถึงยังมีแผน COD โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บวกแบตเตอรี่ อีก 5 โครงการภายในสิ้นปีนี้ กำลังการผลิตรวม 532 เมกะวัตต์ ส่งผลให้เมกะวัตต์ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นอีก 2,700 เมกะวัตต์ หรือเติบโตเป็น 15,000 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนในพอร์ต จาก 7% ขึ้นเป็น 40% ภายในปี 2035 ซึ่งหากนับรวมกับโครงการที่ได้มีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งหมด จะพบว่าสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนจะอยู่ที่ 36% ภายในปี 2033
บริษัทฯ ยังมีแผนพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนเพิ่มเติมอีก ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บวกแบตเตอรี่, โรงไฟฟ้าพลังงานลม ทั้งในรูปแบบการร่วมลงทุน (JV) หรือการเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือแบบ Greenfield โดยจะมีกำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 3,000 เมกะวัตต์
บริษัทฯ ยังมีความพร้อมเข้าประมูลโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบใหม่ อีก 3,600 เมกะวัตต์ในปีนี้ด้วย ทั้งนี้บริษัทฯ ยังได้มีการร่วมทุนกันพันธมิตรในการทำโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมอีก 12 โครงการ กำลังการผลิตรวม 120 เมกะวัตต์ คาดเปิด COD ได้ในปี 69
ส่วนธุรกิจก๊าซ HKH ได้เริ่มนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันแล้วจำนวน 190,000 ตัน เพื่อนำมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้า HKP หน่วยที่ 1 อีกทั้งมีแผนจะนำเข้าเพิ่มเติมอีกประมาณ 450,000 ตัน ในช่วงที่เหลือของปีนี้ นอกจากนี้ยังมีแผนก่อสร้าง LNG Terminal คาดว่าจะเปิดดำเนินการในปี 2027
สำหรับบริษัทฯ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) มองว่าความต้องการใช้ Data Center จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากภาคองค์กรธุรกิจที่กำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ Digital Transformation โดยการประมวลผลและจัดเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์ และการใช้งานด้าน Artificial Intelligence (AI) เป็นปัจจัยสนับสนุนให้องค์กรในประเทศและไฮเปอร์สเกลเลอร์ (Hyperscalers) ที่เข้ามาสู่ตลาดในประเทศไทย มีความต้องการจัดเก็บและจัดการข้อมูลมากขึ้น
ทั้งนี้ ธุรกิจ Data Center ของกลุ่มบริษัทจะแบ่งเป็น 2 เฟส เฟสละประมาณ 24-25 เมกะวัตต์ รวมเป็นประมาณ 50 เมกะวัตต์ โดยเฟสที่ 1 ประมาณ 25 เมะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้บริการประมาณเดือนมี.ค.68
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า ธุรกิจศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset Exchange) ได้เปิดให้บริการไปแล้วเมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ามีมาร์เก็ตแชร์อยู่ราว 30% ภายในปีนี้
บริษัทฯ ยังคงงบลงทุน 5 ปี (67-71) ที่ 90,000 ล้านบาท แบ่งเป็น การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 79% โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 16% โครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3% และดิจิทัลและการลงทุน 2%
ซึ่งในส่วนนี้บริษัทฯ จะใช้เงินลงทุนในปีนี้ที่ 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน 55% โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 36% ลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐาน 3% และที่เหลืออีก 6% ลงทุนด้านดิจิทัลและการลงทุน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 พ.ค. 67)
Tags: GULF, กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์, ยุพาพิน วังวิวัฒน์, โรงไฟฟ้า