นายไพโรจน์ สมุทรธนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมเซ็นสัญญากับบริษัท NatureWorks ของสหรัฐฯ ผู้ผลิต PLA รายใหญ่อันดับ 1 ของโลกในเดือนธ.ค.นี้ เพื่อเข้ามาลงทุนในโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ (Nakhonsawan Biocomplex : NBC) เฟส 2
หลังจากเซ็นสัญญาแล้วบริษัทจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 2 มูลค่าการลงทุนรวม 1,430 ล้านบาท ร่วมกับพันธมิตรหลักอีกรายคือ กลุ่ม บมจ.เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น (KTIS) คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ต้นปี 67 เพื่อให้ทันกับแผนการดำเนินงานของ NatureWorks ที่จะเริ่มใช้งานในไตรมาส 3/67
ขณะที่โครงการนครสวรรค์ ไบโอคอมเพล็กซ์ เฟส 1 ยังคงกำหนดการเริ่มผลิตเอทานอลได้ในช่วงกลาง-ปลายไตรมาส 1/65 ซึ่งปัจจุบันบริษัทก็ได้มีการเตรียมตัวติดต่อกับผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 (ผู้ค้าน้ำมันที่มีปริมาณการค้าแต่ละชนิด หรือรวมกันทุกชนิดปีละตั้งแต่หนึ่งแสนเมตริกตันขึ้นไป หรือเป็นผู้ค้าน้ำมันชนิดก๊าซปิโตรเลียมเหลวแต่เพียงชนิดเดียวที่มีปริมาณการค้าปีละตั้งแต่ห้าหมื่นเมตริกตันขึ้นไป ต้องได้รับใบอนุญาตจากรัฐมนตรี) รวมถึงได้รับความร่วมมือกับ KTIS ทำให้มั่นใจว่าแผนการตลาดน่าจะเป็นไปตามที่คาดหวังไว้
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าน่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 64 จากราคาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ปรับตัวลดลงจากปีนี้ โดยมองราคาน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO) ในตลาดต่างประเทศ มีแนวโน้มต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของปี 64 เนื่องจากผลผลิตที่ออกสู่ตลาดมากขึ้น จากการคลี่คลายปัญหาด้านแรงงานของประเทศมาเลเซียที่ไม่สามารถเข้าไปเก็บเกี่ยวในปีนี้ได้ รวมถึงการปรับตัวลดลงของราคาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์รีไฟน์กลีเซอรีน (Refined Glycerin) ด้วย แต่บริษัทฯ จะพยายามผลักดันให้ยอดขายสูงขึ้น
ส่วนปีนี้คาดผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน หลัง 9 เดือนสามารถทำกำไรสุทธิได้ค่อนข้างดี มาอยู่ที่ 417.89 ล้านบาท จากปีก่อนทั้งปีที่มีกำไร 560.14 ล้านบาท ขณะที่รายได้อยู่ที่ 14,791.63 ล้านบาท จากทั้งปีก่อนอยู่ที่ 18,261.85 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/64 ก็คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้าได้ จากการบริหาร Inventory ได้ดี อีกทั้งภาพรวมตลาดไบโอดีเซล โดย CPO Outlook การสต็อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศยังอยู่ในระดับต่ำ และปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มของภาคขนส่ง คาดว่าจะมีความต้องการใช้เพิ่มขึ้น จากการเปิดประเทศ
อย่างไรก็ตามบริษัทยอมรับว่าอาจได้รับผลกระทบบางส่วนจากการปรับลดส่วนผสมไบโอดีเซลในน้ำมันดีเซลหมุนเร็วให้มีสัดส่วนผสมเดียว คือ B7 ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.64 ถึง 31 มี.ค.65 รวมถึงการคงค่าการตลาดกลุ่มน้ำมันดีเซลหมุนเร็วไม่เกิน 1.40 บาท/ลิตร ซึ่งจะทำให้ราคาดีเซลคงอยู่ที่ 28 บาท/ลิตร แต่คาดว่าการเปิดประเทศที่ทำให้ความต้องการใช้ดีเซลเพิ่มจะสามารถชดเชยกับดีมานด์ที่หายไปได้ อีกทั้งราคาน้ำมันปาล์มดิบในต่างประเทศยังคงอยู่ในระดับสูง เป็นผลมาจากการขาดแคลนแรงงานเก็บเกี่ยวผลผลิต
ด้านผลิตภัณฑ์แฟตตี้แอลกอฮอล์ ราคาวัตถุดิบคือน้ำมันเมล็ดในปาล์มดิบ (CPKO) ยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ยังมี Stock gain ขณะที่ความต้องการ CPKO ก็ปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะในจีนและอินเดีย ขณะที่ราคาวัตถุดิบผลิตภัณฑ์รีไฟน์กลีเซอรีน (Refined Glycerin) ก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงมาก โดยปรับตัวขึ้นทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 10 ปี ทำให้ส่งผลบวกต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ประกอบกับความต้องการก็อยู่ในระดับสูงเช่นกัน จากการนำไปใช้ในอุตสาหกรรม Pharmaceutical และ Hygienic
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 64)
Tags: GGC, ผลการดำเนินงาน, หุ้นไทย, โกลบอลกรีนเคมิคอล, ไพโรจน์ สมุทรธนานนท์