ผู้นำกลุ่ม G20 ร่วมกันออกแถลงการณ์สรุปเมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ที่เรียกร้องให้มีการควบคุมปัญหาโลกร้อน “อย่างชัดเจนและมีประสิทธิภาพ” แต่คำมั่นที่ขาดการดำเนินการเป็นรูปธรรมดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มนักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อม
บรรดานักการทูตเจรจากันอย่างเข้มข้นเป็นเวลาหลายวัน แต่กลับไม่นำไปสู่ทางออกใด ๆ และได้ผลักภาระมหาศาลไปยังการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือ COP26 ขององค์การสหประชาติ (UN) ที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ในสก็อตแลนด์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐกล่าวว่า เขาผิดหวังที่ทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้ และตำหนิจีนกับรัสเซียที่ไม่มีข้อเสนอใด ๆ ในที่ประชุมเลย
ปธน.ไบเดนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า “น่าผิดหวังที่รัสเซียกับจีนไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นใด ๆ ที่จะแก้ไขปัญหาโลกร้อน”
แม้ก่อนหน้านี้กลุ่ม G20 จะให้คำปฏิญาณว่าจะหยุดจัดหาเงินทุนให้พลังงานถ่านหินในต่างประเทศ ทว่าก็ไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่จะยกเลิกการใช้พลังงานถ่านหินในประเทศตัวเองชัดเจน ทั้งยังให้สัญญาแบบคลุมเครือว่าจะลดการปล่อยก๊าซมีเทน ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญอีกชนิดหนึ่ง
อย่างไรก็ดี นายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี ผู้เป็นประธานการประชุมในกรุงโรมครั้งนี้ ได้กล่าวยกย่องถึงข้อตกลงสรุปว่า ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่ทุกประเทศใน G20 เห็นพ้องต้องกันถึงความสำคัญของการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นมากกว่าระดับ 1.5 องศาเซลเซียส ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นระดับที่จำเป็นต้องรักษาไว้ หากต้องการหลีกเลี่ยงหายนะ
ทั้งนี้ ประเทศทั้งหมดใน G20 ซึ่งรวมถึงบราซิล, จีน, อินเดีย, เยอรมนี และสหรัฐ มีประชากรรวมคิดเป็น 60% ของประชากรโลก และมีสัดส่วนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกประมาณ 80%
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 64)
Tags: COP26, G20, สิ่งแวดล้อม, โลกร้อน