นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ (FPI) เปิดเผยว่า แนวโน้มการดำเนินธุรกิจในไตรมาส 2/64 มีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน แม้จะต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ลุกลามไปทั่วโลก และที่ผ่านมาการที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นคู่แข่งทางการค้าของไทย ประกาศปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 1-14 มิ.ย.64 ทำให้ลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะในแถบกลุ่มอเมริกาใต้ หันมาสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการของไทย ทำให้มีออเดอร์ไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นภาพรวมของอุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์เริ่มมีสัญญาณการฟื้นตัวได้ดีขึ้น
“อุตสาหกรรมส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ในไตรมาส 2/64 เริ่มมีการฟื้นตัว และน่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ สะท้อนจากออเดอร์ที่ไหลเข้ามาในช่วงเดือน พ.ค.และ มิ.ย.ของปีนี้ โดยเฉพาะ FPI มีออเดอร์เพิ่มขึ้นจากลูกค้าต่างชาติ ดังนั้นน่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลประกอบการออกมาในทิศทางที่ดีขึ้น รวมทั้งประสิทธิภาพการควบคุมต้นทุนการผลิตในส่วนของวัตถุดิบ ค่าขนส่ง ตลอดจนการปรับราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย”
นายสมพล กล่าว
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ราว 50% ขณะที่ยังมีออเดอร์ใหม่ในงานด้านอื่นๆ ทยอยเข้ามาเพิ่มเติม ดังนั้น ทำให้บริษัทเชื่อว่าผลงานในปี 64 น่าจะเติบโตได้ที่ระดับ 15% ตามเป้าหมายที่วางไว้ ขณะที่ความสามารถในการทำกำไรขั้นต้นก็น่าจะอยู่ในระดับที่ดีขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมา ราคาวัตถุดิบและค่าขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีนโยบายปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนจะรุกขยายธุรกิจใหม่ 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประเภท ดีไซน์รถยนต์ หรือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะตลาดรถหรู โดยบริษัทฯ มีแผนจะเจาะลูกค้าระดับบน เพราะหลังจากทดลองผลิตไปแล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี รวมทั้งมีแผนจะรุกธุรกิจให้คำปรึกษาในการด้านพลังงาน และนวัตกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืน สามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจใหม่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 มิ.ย. 64)
Tags: FPI, ชิ้นส่วนยานยนต์, ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้, สมพล ธนาดำรงศักดิ์, หุ้นไทย