Forbes Thailand เปิดเผย 50 อันดับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 64 โดยระบุว่าท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภาคเศรษฐกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวของไทยหดตัวลงมากที่สุดในรอบ 2 ทศวรรษ ถึง 6.1% ในปี 63 ประกอบกับจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันในปีนี้ แต่รัฐบาลยังให้คำมั่นที่จะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พร้อมจัดตั้งศูนย์รับวัคซีนโควิดสำหรับชาวต่างชาติภายในเดือนต.ค. 64 โดยเริ่มที่จังหวัดภูเก็ตในเดือนก.ค.ที่ผ่านมา
ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ และภาคการส่งออกได้ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวสูงขึ้น 43% นับตั้งแต่มีการประเมินมูลค่าทรัพย์สินครั้งล่าสุดเมื่อ 15 เดือนที่แล้ว ซึ่งมีส่วนในการเพิ่มทรัพย์สินรวมของบุคคลร่ำรวยที่สุดจากการจัดอันดับของฟอร์บประจำปี 64 กว่า 20% เป็น 1.6 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 64
อันดับ 1 คือพี่น้องตระกูลเจียรวนนท์แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นจาก 2.9 พันล้านเหรียญฯ เป็น 3.02 หมื่นล้านเหรียญฯ ในปีนี้
อันดับ 2 นายเฉลิม อยู่วิทยา (อันดับคงที่) เจ้าของแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกอย่างกระทิงแดงร่วมกับตระกูลของเขา โดยเป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปีนี้ รวมมูลค่าสุทธิ 2.45 หมื่นล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 2.02 หมื่นล้านเหรียญฯ ในปี 63
อันดับ 3 นายเจริญ สิริวัฒนภักดี (อันดับคงที่) จากเครือไทยเบฟเวอเรจ มูลค่าทรัพย์สิน 1.27 หมื่นล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 1.05 หมื่นล้านเหรียญฯ ในปี 63
อันดับ 4 ตระกูลจิราธิวัฒน์ (อันดับคงที่) ดำเนินธุรกิจค้าปลีก มูลค่าทรัพย์สิน 1.16 หมื่นล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 9.5 พันล้านเหรียญฯ ในปี 63
อันดับ 5 นายสารัชถ์ รัตนาวะดี (อันดับคงที่) โดยดำเนินธุรกิจด้านพลังงาน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) และเป็นอีกหนึ่งรายที่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเกือบ 1 ใน 3 เป็น 8.9 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 6.8 พันล้านเหรียญฯ ในปี 63 นอกจากนี้ล่าสุดในเดือนเม.ย. ได้นำ GULF ยื่นคำเสนอซื้อหุ้น บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) และบมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) ที่ราคา 1.7 หมื่นล้านเหรียญฯ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
อันดับที่ 6 ตระกูลโอสถานุเคราะห์ (ขยับขึ้นจากอันดับที่ 8) ดำเนินธุรกิจเครื่องดื่ม บมจ.โอสถสภา (OSP) มูลค่าทรัพย์สินเป็น 3.5 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 3 พันล้านเหรียญฯในปี 63
อันดับที่ 7 นายสมโภชน์ อาหุนัย (ขยับขึ้นจากอันดับ 18) ดำเนินธุรกิจพลังงาน บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) มูลค่าทรัพย์สิน 3.3 พันล้านเหรียญฯ
อันดับที่ 8 นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (ขยับขึ้นจากอันดับ 11) ดำเนินธุรกิจการแพทย์ มูลค่าทรัพย์สิน 3.25 พันล้านเหรียญฯ
อันดับที่ 9 นายประจักษ์ ตั้งคารวคุณ (ขยับลงจากอันดับ 7) ดำเนินธุรกิจสีทาอาคาร บมจ.ทีโอเอ เพ้นท์ ประเทศไทย (TOA) มูลค่าทรัพย์สิน 3.2 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 3.1 พันล้านเหรียญฯในปี 63
อันดับที่ 10 นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ และนางดาวนภา เพชรอำไพ (อันดับคงที่) ดำเนินธุรกิจการเงิน บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) มูลค่าทรัพย์สิน 3 พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นจาก 2.65 พันล้านเหรียญฯ ในปี 63
ทั้งนี้ จาก 38 รายชื่อที่มีมูลมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น มีเพียง 8 รายเท่านั้นที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 พันล้านเหรียญฯ นำโดยนายเสถียร เศรษฐสิทธิ์ และนายณัชไมย ถนอมบุญเจริญ ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มคาราบาว ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ ด้วยผลกำไรที่มากที่สุดในรอบปีได้ส่งผลให้ทั้งคู่มีมูลค่าทรัพย์สินส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นรายละมากกว่า 2 เท่า
เช่นเดียวกับผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพทั้ง 5 รายในทำเนียบที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งรวมไปถึงนายพงษ์ศักดิ์ วิทยากร หลังจากที่นายสาธิต วิทยากร บุตรชายได้เข้าซื้อหุ้นโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ที่มูลค่าเกือบ 600 ล้านเหรียญฯ
นอกจากนี้ ยังมีมหาเศรษฐีหน้าใหม่อีก 3 รายจาก 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- นายสมชาย รัตนภูมิภิญโญ ผู้ก่อตั้งธุรกิจอาหาร บมจ.อาร์ แอนด์ บี ฟู้ด ซัพพลาย (RBF)
- นายสมหวัง และนายไวยวุฒิ สินเจริญกุล ผู้อยู่เบื้องหลังบมจ.ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์
- นายอดิศักดิ์ และนางยา ตั้งมิตรประชา ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้าน บมจ.ดูโฮม (DOHOME)
ด้าน 1 ใน 3 รายชื่อที่หวนคืนสู่ทำเนียบในปีนี้อีกครั้ง ได้แก่ นายบัญชา องค์โฆษิต จากการที่บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE) ผู้ผลิตแผงวงจรพิมพ์สำหรับภาคยานยนต์ ได้รับประโยชน์จากการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า
ขณะที่มี 6 รายชื่อที่หลุดออกจากทำเนียบจากการที่เกณฑ์การจัดอันดับได้ปรับจาก 460 ล้านเหรียญฯ ในปี 63 มาอยู่ที่ 737 ล้านเหรียญฯ เช่น นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา จากกลุ่มคิงเพาเวอร์ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวชะลอตัว
อนึ่ง การจัดอันดับนี้ใช้ข้อมูลการเงินและการถือครองหุ้นที่ได้รับจากทางครอบครัวและปัจเจกบุคคล ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ นักวิเคราะห์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และหน่วยงานกำกับดูแลหลายแห่ง อันดับนี้ต่างจากอันดับอภิมหาเศรษฐีตรงที่มีการรวมถึงทรัพย์สินของครอบครัวและทรัพย์สินที่ถือครองโดยสมาชิกครอบครัวหลายรุ่น
ทั้งนี้มูลค่าทรัพย์สินในบริษัทมหาชนเป็นการคำนวณจากราคาหุ้นและอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 มิ.ย. ทรัพย์สินในบริษัทที่ถือครองส่วนตัวประเมินค่าโดยเปรียบเทียบกับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเดียวกันที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
การคำนวณทรัพย์สินจากเหรียญสหรัฐฯ มาเป็นสกุลเงินไทย ใช้อัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารแห่งประเทศไทยที่ 31.40 บาทต่อเหรียญ ณ วันที่ 18 มิ.ย. 64
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 64)
Tags: ธนินท์ เจียรวนนท์, มหาเศรษฐี, มหาเศรษฐีไทย, เจริญ สิริวัฒนภักดี, เฉลิม อยู่วิทยา