EURO พร้อมเทรด mai รับวาเลนไทน์ 14 ก.พ.โชว์ยอดสถาบันจองซื้อ 19%

นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ยูโร ครีเอชั่นส์ (EURO) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมนำหุ้นเข้าซื้อขายวันแรกในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในวันที่ 14 ก.พ.67 โดยใช้ชื่อย่อ “EURO” หลังจากเสนอขายหุ้น IPO แก่นักลงทุนเมื่อวันที่ 31 ม.ค.-2 ก.พ.ที่ผ่านมา

บริษัทเป็นผู้เชี่ยวชาญธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าระดับลักชัวรี่อย่างเป็นทางการในประเทศไทย รวม 29 แบรนด์ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่ง และอุปกรณ์ฟิตเนส แบรนด์ชั้นนำระดับลักชัวรี่จากต่างประเทศ เช่น แบรนด์ Gessi, Molteni & C, Cassina, Giorgetti, Natuzzi Italia, Frette, Technogym เป็นต้น พร้อมบริการอย่างครบวงจรแบบวันสต็อปโซลูชั่น

รวมถึงได้ขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้มีความหลากหลายครอบคลุมทุกพื้นที่ของการใช้ชีวิต เช่น ผลิตภัณฑ์สำหรับห้องน้ำ, วัสดุปูพื้น, โคมไฟและอุปกรณ์ควบคุมอัจฉริยะ เป็นต้น ส่วนใหญ่เป็นแบรนด์จากยุโรปโดยเฉพาะประเทศอิตาลี ซึ่งมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า B2B และ B2C ที่เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์และลูกค้ารายย่อยระดับลักชัวรี่ได้อย่างครอบคลุม

บริษัทวางแผนขยายธุรกิจโดยจะเพิ่มแบรนด์สินค้านำเข้าระดับลักชัวรี่และระดับไฮเอนด์ เพื่อเพิ่มทางเลือกและตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงอยู่ระหว่างการออกแบบและก่อสร้างโชว์รูมใหม่อีก 3 แห่งในย่านทองหล่อและจังหวัดภูเก็ต เพื่อขยายตลาดและฐานลูกค้า ได้แก่ 1) โชว์รูม Euro Creations Flagship Gallery at Phuket เพื่อขยายตลาดสู่เมืองท่องเที่ยว คาดว่าจะเปิดบริการภายในไตรมาส 1 ปี 67 เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ 2) โชว์รูม Euro Creations Gallery at Thonglor Soi 5 คาดว่าจะเปิดไตรมาส 2/67 และ 3) โชว์รูม Euro Creations Gallery at Thonglor Soi 1 คาดว่าจะเปิดไตรมาส 4/69 จะรองรับการขยายฐานลูกค้าจากระดับลักชัวรี่สู่ระดับพรีเมียม

ปัจจุบันบริษัทมีโชว์รูม 5 แห่ง ได้แก่ Euro Creations Flagship Gallery at Thonglor, Natuzzi Italia at Siam Paragon, Euro Creations Gallery at Crystal Design Center, Technogym Flagship Showroom at Ekamai และ Technogym Showroom at Central Embassy

ขณะเดียวกัน EURO จะมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องภายใต้แผนงานที่วางไว้ ได้แก่ 1) การนำเสนอแบรนด์สินค้าระดับลักชัวรี่เพื่อตอบสนองความต้องการและสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้า รวมถึงสร้างความยั่งยืนแก่บริษัทฯ ด้วยการเป็นตัวแทนจำหน่ายแก่แบรนด์สินค้าต่างๆ เพียงผู้เดียวในประเทศไทย

2) มุ่งเน้นบริหารจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำข้อมูลเชิงลึกจากระบบ SAP B1 ผสานกับประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและข้อมูลในอดีต มาวิเคราะห์และคาดการณ์ปริมาณสินค้าที่ต้องสั่งซื้อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากที่สุด

3) ลงทุนด้านการพัฒนาบุคลากร โดยจัดทำหลักสูตรฝึกอบรมพนักงานใหม่ด้วยตนเองทางออนไลน์ก่อนปฏิบัติงานจริง รวมถึงการเพิ่มทักษะและความรู้แก่พนักงานและผู้บริหารอย่างต่อเนื่อง

และ 4) ลงทุนและพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เช่น การพัฒนารูปแบบจัดเก็บฐานข้อมูลใน Cloud Database เป็นต้น นอกจากนี้ได้วางกลยุทธ์เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดและขยายตลาดใหม่จากผลิตภัณฑ์ในปัจจุบัน เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เจาะกลุ่มลูกค้าปัจจุบันและขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ รวมถึงมองโอกาสร่วมทุนหรือเข้าซื้อกิจการ

ภาพรวมผลการดำเนินงานปี 63-65 มีรายได้จากการขายและบริการ 776.59 ล้านบาท 829.49 ล้านบาท และ 1,047.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.81% และ 26.33% ตามลำดับ และกำไรสุทธิ 105.49 ล้านบาท 121.66 ล้านบาท และ 135.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.33% และ 11.71% ตามลำดับ

ส่วนงวด 9 เดือนแรกของปี 2566 มีรายได้จากการขายและบริการ 958.2 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 138.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% และ 44.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนตามลำดับ โดยสัดส่วนรายได้มาจากลูกค้ารายย่อย (B2C) ประมาณ 70% และลูกค้าโครงการ (B2B) ประมาณ 30%

นายดิถดนัย สังขะรมย์ รองกรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า การเสนอขายหุ้น IPO ที่ผ่านมาของ EURO จำนวน 78 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 10.60 บาท กำหนดจากการสำรวจความต้องการของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) มีผลตอบรับที่ดีมาก โดยในการเสนอขายดังกล่าวมีนักลงทุนสถาบันจองซื้อมากกว่าจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ หรือมียอดจองซื้อคิดเป็นสัดส่วนถึง 19% ของจำนวนหุ้นที่เสนอขายทั้งหมด เนื่องจากมั่นใจศักยภาพบริษัทฯ และกลยุทธ์การเติบโตที่ชัดเจน

EURO วางแผนนำเงินจากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ตามวัตถุประสงค์ ได้แก่ 1) ลงทุนก่อสร้างโชว์รูมใหม่ 3 แห่ง ได้แก่ โชว์รูมทองหล่อ ซอย 1, ทองหล่อ ซอย 5 และภูเก็ต 2) ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินเพื่อการก่อสร้างโชว์รูมใหม่ 3 แห่ง และคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นสำหรับเงินทุนหมุนเวียนกิจการ และ 3) เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการและการขยายธุรกิจ

นอกจากนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมทั้งหมดของ บมจ. ยูโร ครีเอชั่นส์ ได้สมัครใจทำข้อตกลงไม่จำหน่ายหุ้นส่วนที่เหลือจากการติด Silence Period ตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มเติมในช่วงระยะเวลา 12 เดือนนับจากวันที่หุ้นของบริษัทฯ เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก เพื่อให้ความมั่นใจแก่นักลงทุน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.พ. 67)

Tags: , ,