เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวในวันนี้ (10 เม.ย.) ว่า การตัดสินใจของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ในการระงับการเก็บภาษีนำเข้าอัตราสูงกับหลายสิบประเทศชั่วคราวนั้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจโลก
ทรัมป์ประกาศท่าทีที่สร้างความประหลาดใจเมื่อวันพุธ (9 เม.ย.) ด้วยการระงับภาษี 20% ที่เพิ่งบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) เมื่อสัปดาห์ก่อนไว้ชั่วคราว โดยปรับลดลงมาเหลือแค่ 10% เป็นเวลา 90 วัน เช่นเดียวกันกับประเทศคู่ค้าส่วนใหญ่ของสหรัฐฯ ยกเว้นจีน
ฟอน เดอร์ เลเยน ผู้นำฝ่ายบริหารของ EU กล่าวต้อนรับการตัดสินใจครั้งนี้ และกล่าวว่า EU ยังคงมุ่งมั่นเจรจาอย่างสร้างสรรค์กับสหรัฐฯ โดยตั้งเป้าให้เกิด “การค้าที่ไร้อุปสรรคและเป็นประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย”
ฟอน เดอร์ เลเยน ย้ำว่า กำแพงภาษีส่งผลเสียต่อทั้งธุรกิจและผู้บริโภค พร้อมเรียกร้องอีกครั้งให้มี “ข้อตกลงภาษีนำเข้าเป็นศูนย์” ระหว่าง EU กับสหรัฐฯ
“เงื่อนไขการค้าที่ชัดเจนและคาดการณ์ได้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้การค้าและห่วงโซ่อุปทานดำเนินไปได้” ฟอน เดอร์ เลเยน ระบุผ่านแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์)
อย่างไรก็ตาม การพักเก็บภาษีนำเข้าครั้งนี้ของปธน.ทรัมป์ไม่ครอบคลุมถึงภาษีเดิมที่ใช้กับรถยนต์ เหล็กกล้า และอะลูมิเนียม ขณะที่ EU ยังคงมีแผนเดินหน้าใช้มาตรการตอบโต้ชุดแรกต่อภาษีเหล็กกล้าและอะลูมิเนียมในสัปดาห์หน้า แม้ว่าฟอน เดอร์ เลเยน จะไม่ได้กล่าวถึงมาตรการตอบโต้ดังกล่าวในแถลงการณ์ล่าสุดก็ตาม
ฟอน เดอร์ เลเยน ยังกล่าวด้วยว่า ยุโรปยังคงให้ความสำคัญกับการขยายคู่ค้าให้หลากหลาย ควบคู่ไปกับการขจัดอุปสรรคทางการค้าที่ยังคงมีอยู่ภายในตลาด EU
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 เม.ย. 68)
Tags: EU, สหภาพยุโรป, เก็บภาษี, เศรษฐกิจโลก